ทัศน์พล บู้หลง อดีตนายตำรวจที่เกิดวิกฤตขึ้นกับชีวิตอย่างไม่คาดฝัน แต่สามารถฝ่าฟันและทำธุรกิจเครือข่ายอย่างมุ่งมั่น เผยว่า “ครั้งหนึ่งผมเคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ ผมโดนคนร้ายลอบยิงครับขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ช่วงล่างของผมนั้นไม่มีความรู้สึก ต้องนอนรักษาตัวเองในโรงพยาบาลเป็นปี ทิ้งให้ภรรยาที่เวลานั้นต้องทำงานอย่างหนักเพียงลำพัง งานที่ว่าก็คือธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์คครับ แม้ว่าในตอนแรกผมจะคัดค้านเมื่อครั้งที่ภรรยามุ่งหน้าเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายนี้ แต่พอเธอยิ่งทำ ผมกลับเห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอ ถ้าไม่นับรายได้ที่มีเข้ามา บุคลิกภาพ คุณภาพชีวิตดีขึ้นตามไปด้วย หลังออกจากโรงพยาบาล ผมต้องเป็นคนพิการนั่งรถเข็นวีลแชร์ ผมมองตัวเองเป็นคนด้อยโอกาส ไร้ความสามารถ และเรียกร้องความเห็นใจจากคนรอบข้าง มองทุกอย่างสิ่งรอบตัวเป็นอุปสรรคไปหมด จนเมื่อภรรยาผมชวนให้ผมเข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายนี้ กลับทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นๆ เพราะธุรกิจนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ขา แต่ใช้มันสมองในการบริหารงาน ยิ่งรถเข็นวีลแชร์ ที่ผมเคยมองว่ามันเป็นอุปสรรคของผม แต่ตอนนี้มันคือพาหนะคู่ใจของผมเลยครับ เพราะเมื่อก่อนที่เข้ามาเรียนรู้ธุรกิจ หลายคนต้องแย่งที่นั่งกัน แต่สำหรับผม ผมมีที่นั่งส่วนตัวไม่ต้องแย่งใคร ธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ทำให้ทัศนคติของผมเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนด้วยอาชีพตำรวจ ผมจะมีสายตาที่มองหาแต่ความผิด คอยหาเหตุผล หลักฐาน เพื่อหาความผิดให้ได้ แต่เวลานี้สายตาของผมกลับมองเห็นแต่โอกาสครับ โอกาสที่จะทำให้คนรอบข้างของเราได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตาม แม้ว่าผมจะทำธุรกิจเครือข่ายนี้มานาน 7 ปีแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจยิ่งกว่าความสำเร็จที่ได้รับมาบนเส้นทางธุรกิจนี้ คือการที่เรื่องราวชีวิตของผม เป็นแรงบันดาลใจสร้างพลังให้แก่ ผู้ร่วมธุรกิจคนอื่นๆ เป็นสิ่งที่มีความหมายยิ่งกว่า”
อีก 1 ชายหนุ่มที่หากไม่บอกจะไม่รู้เลยว่า สายตาของเขานั้นมองไม่เห็น เกียรติคุณ เกียรติเพชรา หนุ่มที่เปี่ยมด้วยศักยภาพและความสามารถ ที่ธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เปิดโอกาสให้เขาได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ พร้อมเผยว่า “ผมมองไม่เห็นตั้งแต่อายุ 8 ขวบครับ โดยเส้นประสาทตาเสื่อม ซึ่งสาเหตุไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากกรรมพันธุ์ หรืออุบัติเหตุรถชนในวัยเด็ก เพราะมันทิ้งช่วยเวลานานเหมือนกัน กว่าที่ตาผมจะมองไม่เห็น แต่ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่ผมก็ได้รับโอกาสที่ดีมาโดยตลอด ทั้งจากโรงเรียน มหาวิทยาลัย ผมเรียนจบด้านบริหารธุรกิจ ในระดับปริญญาโท ภาคอินเตอร์ฯ เกรดเฉลี่ยผมค่อนข้างดีมากครับ แต่โอกาสกลับเริ่มถูกปิดลงเมื่อผมไปสมัครงาน ภายนอกผมดูเหมือนคนปกติ แต่พอเมื่อรู้ว่าผมนั้นมองไม่เห็น หลายที่ปฏิเสธผมทันทีครับ เวลานั้นผมท้อครับ และเตรียมจะทำธุรกิจส่วนตัว จนวันหนึ่งรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย แนะนำให้ผมรู้จักกับธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เขาชวนให้ผมเข้ามาเรียนรู้ที่บริษัท ผมรู้สึกได้ทันทีครับว่าธุรกิจเครือข่ายนี้เปิดโอกาสให้กับผมจริงๆ เพราะในใบสมัคร ไม่ถามครับว่าผมเรียนจบอะไร จากที่ไหน เหมือนเขาต้องการแค่ใจที่อยากทำธุรกิจเท่านั้น หลังจากสมัครได้เพียง 2 เดือน ผมรู้เลยครับธุรกิจนี้ใช่ที่สุด เพราะเป็นธุรกิจที่มีความก้าวหน้าที่รวดเร็ว ไม่ใช่แค่ตัวเราเพียงคนเดียว แต่ยังหมายถึงการพาทั้งทีมงานของเราก้าวหน้าตามไปด้วย ธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เป็นธุรกิจของโอกาสจริงๆ ครับ สายตาที่มองไม่เห็น ไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานของผมเลยครับ หลายครั้งที่ผมไปคุยธุรกิจกับผู้มุ่งหวัง แล้วทุกคนก็ต้องรู้สึกประหลาดใจมาก เมื่อเขามารู้ภายหลังว่าผมนั้นมองไม่เห็น กลับยิ่งสร้างกำลังใจ สร้างพลังบวก ให้แก่พวกเขาเหล่านั้น ได้ฮึดสู้ และพร้อมลุยในธุรกิจเครือข่ายนี้อย่างเต็มที่ ธุรกิจนี้ยังสร้างนิสัยดีๆ ให้แก่ผมครับ เมื่อก่อนยอมรับครับว่า ผมเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง และมีความรู้สึกว่าตัวเรานั้นเก่งกว่าคนอื่นๆ แม้กระทั่งรุ่นน้องผมที่เป็นคนชักชวนให้รู้จักกับธุรกิจนี้ หากเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่เชื่อเขา แต่ธุรกิจเครือข่ายนี้ สอนให้ผมรู้จักเคารพความคิดของผู้อื่น ฟังผู้อื่นมากขึ้น เมื่อก่อนผมคิดมาเสมอว่าตัวเองมีคุณค่า แต่คุณค่าของผมมันเริ่มหมดลงตอนไปสมัครงาน แต่ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ที่ทำให้ผมกลับมารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอีกครั้งครับ”
ชีวิตฟ้าหลังฝน มักจะสดใสเสมอ เหมือนเช่น 2 หนุ่มนี้ ที่ได้รับโอกาสดีๆ จากธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ให้ชีวิตที่เคยท้อแท้ ได้กลับลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ใหม่อีกครั้ง