สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการนำโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่สำคัญของไทยกว่า 38 รายการมาจัดแสดง และการแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยใหม่โดยศิลปิน 19 ท่าน อาทิ ถวัลย์ ดัชนี ปัญญา วิจินธนสาร ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวานิช เป็นต้น ที่ได้สะท้อนให้เห็นถึงพลังแห่งความศรัทธาและพลังแห่งการสร้างสรรค์ของช่างโบราณผ่านโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุอันทรงคุณค่าของแผ่นดินที่อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรที่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ใดมาก่อน ซึ่งโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุเหล่าแต่ละชิ้นล้วนมีเรื่องราวสามารถบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของแผ่นดิน และยังแสดงให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือในเชิงช่างชั้นครูที่มีความงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ เสมือน “มนต์” ที่มีความดึงดูดหรือความน่าหลงใหล ในความงดงามนำมาเป็นต้นน้ำในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยที่เป็นปลายน้ำสู่ยุคปัจจุบัน ด้วย “พลังสร้างสรรค์” ทางความคิดและจินตนาการ ของศิลปินผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของมรดกเหล่านี้นำมาเป็นพลังในการถ่ายทอดองค์ความรู้และคุณค่าของงานศิลปะ ก่อให้เกิดมนต์เสน่ห์แห่งศิลปะด้วยมิติที่แตกต่าง และก่อเกิดผลประโยชน์ในด้านการพัฒนาผลงานศิลปะร่วมสมัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ถือเป็นงานประวัติศาสตร์ และยังเป็นการสร้างความสุขตามนโยบายของ คสช.อีกด้วย
นายเขมชาติ เทพไชย ผู้อำนวยการสำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีมรดกวัฒนธรรมมากมายที่คนไทยยังไม่ได้ชื่นชม การที่ศิลปินได้ต่อยอดสร้างสรรค์โดยนำความคิด ความเชื่อ ปรัชญา มาสร้างสรรค์งานศิลปะ ถือเป็นการสร้างเมล็ดพันธุ์ให้เจริญเติมโตแตกกิ่งกัานสาขาเป็นผลงานที่สร้างสรรค์และมีมนต์เสน่ห์ของงานด้านศิลปวัฒนธรรม
นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ผลงานศิลปะที่นำมาจัดในนิทรรศการครั้งนี้ ได้ผ่านการวิเคราะห์ ศึกษา จากศิลปินมาแล้ว ซึ่งมีความเป็นมาในอดีต โดยนำเสนอองค์ความรู้ของคนโบราณสะท้อนออกมาในรูปแบบของผลงานให้ประชาชนได้ชื่นชม ถือเป็นมิติใหม่ของการนำคลังความรู้ในพิพิธภัณฑ์มาสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินได้มาวิเคราะห์และศึกษาศิลปวัตถุที่มีอายุกว่าหมื่นปีจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งนำองค์ความรู้มาออกแบบความคิดจากศิลปวัตถุและโบราณวัตถุมาสร้างเป็นผลงานให้คนในปัจจุบันได้ชื่นชมผลงานของศิลปินจากองค์ความรู้ที่ฝังอยู่มานำเสนอเป็นผลงานร่วมสมัยทั้งเก่าและใหม่ที่เข้ากันได้ และยังเป็นการกระตุ้นให้คนเข้ามาชมศิลปวัตถุในพิพิธภัณฑ์มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จะมีการจัดพิธีเปิดนิทรรศการในวันพฤหัสที่ 2 สิงหาคม 2557 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร