พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีกลุ่มเครือข่ายวณิพกคนตาบอดแห่งชาติ ยื่นหนังสือถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อขอให้เยียวยาความเดือดร้อนของวณิพกคนตาบอดที่ได้รับความเดือดร้อน จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อนำขอทานเข้าสู่กระบวนการจัดระเบียบขอทาน โดยขอให้ยกเว้นการจับกุมนักร้อง นักดนตรีที่ร้องเพลงหรือเล่นดนตรีตามที่สาธารณะ พร้อมแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ. ๒๔๘๔ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมาเป็นการจัดระเบียบเฉพาะขอทาน ซึ่งวณิพกคนตาบอดไม่เข้าข่ายเป็นขอทาน จึงขอให้วณิพกคนตาบอดได้คลายความกังวลในเรื่องดังกล่าว สำหรับขอทานที่เข้าสู่กระบวนการจัดระเบียบแล้วนั้น ตนได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟู เยียวยาอย่างครบวงจร โดยให้มีการฝึกอาชีพ การวางแผนบริหารจัดการเงินทุน การผลิต และการนำไปขายเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตนเอง ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวอีกทางหนึ่งเพื่อไม่ให้กลับมาขอทานซ้ำ
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากกรณีเด็กชายอายุ ๑๕ ปี เก็บขยะขาย เพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือ และเลี้ยงน้องชายอายุ ๘ ขวบ ครอบครัวมีฐานะยากจน ต้องเช่าบ้านอยู่เอง เนื่องจากพ่อเสียชีวิตและแม่มีสามีใหม่ ที่จังหวัดชัยนาท ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยนาท(พมจ.ชัยนาท) เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยเฉพาะสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กทั้งสองในระยะยาวต่อไป ส่วนกรณีชายชรา อายุ ๗๘ ปี พิการตาบอด รับจ้างทั่วไปหาเงินพอประทังชีวิต ต้องอาศัยข้าววัดกิน ได้ถูกคนทำร้ายร่างกาย เนื่องจากไม่พอใจที่ดูแลสุนัขจรจัดที่จังหวัดนนทบุรี ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี(พมจ.นนทบุรี) เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการตรวจสุขภาพและรักษาพยาบาลต่อไป