ปัจจุบันระบบอินเทอร์เน็ตถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้คนทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยใช้เป็นสื่อในการติดต่อสื่อสารเผยแพร่ส่งต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ระบบอินเทอร์เน็ตจึงมีความสำคัญและถูกใช้เพื่อทำประโยชน์ในด้านต่างๆทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและการแพทย์ ขณะเดียวกันในปัจจุบันมีกลุ่มคนไทยบางพวกที่ใช้ระบบอินเทอร์เน็ตในการกระทำผิดกฎหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองโดยสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น เช่น การหลอกลวง การฉ้อโกง หรือการลักลอบขโมยข้อมูลสำคัญเพื่อนำไปทำประโยชน์ต่างๆ รวมไปจนกระทั่งถึงการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสร้างความวุ่นวายและเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นผู้บริหารประเทศจึงมีแนวคิดในการเอาระบบ "Single gateway" มาใช้กับระบบอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเพื่อควบคุมป้องกันการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตไปในทางที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้อื่นและเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศ แต่อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล้าวได้รับการคัดค้านและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนในสังคมอย่างกว้างขวาง จากประเด็นดังกล่าว สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการใช้ระบบ "single gateway" กับระบบอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดยได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 21 ถึง 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ศ.ดร. กล่าวถึงผลการสำรวจว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,143 คน สามารถสรุปผลได้ดังนี้ ในด้านข้อมูลทางประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 50.66 ขณะที่ร้อยละ 49.34 เป็นเพศชาย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 30.88 มีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 25 ถึง 34 ปี
ศ.ดร. ศรีศักดิ์กล่าวต่อว่า ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับการนำเอาระบบ "Single gateway" มาใช้กับระบบอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยนั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 80.66 รับทราบ/ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการมีแนวคิดติดตั้งระบบ "Single gateway" กับการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.34 ไม่ทราบ/ไม่ได้ยิน อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างไม่ถึงครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40.86 เข้าใจว่าระบบ "Single gateway" คือการให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ตกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอื่นๆในต่างประเทศผ่านช่องทางเดียว ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 59.14 ไม่เข้าใจ
ในด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ระบบ "Single gateway" กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 64.22 มีความคิดเห็นว่าการใช้ระบบ "Single gateway" จะช่วยควบคุมผู้ไม่หวังดีใช้ระบบอินเทอร์เน็ตมาสร้างความวุ่นวายเดือดร้อนแตกตื่นให้กับประชาชนรวมถึงสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศได้ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.82 มีความคิดเห็นว่าการใช้ระบบ "Single gateway" จะส่งผลกระทบกับความสะดวกรวดเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.53 มีความคิดเห็นว่าการใช้ระบบ "Single gateway" จะส่งผลเสียกับการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อการติดต่อสื่อสาร/การติดต่อซื้อขายสินค้า-บริการ/การศึกษา
เมื่อเปรียบเทียบวิธีการควบคุมการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างความวุ่นวายเดือดร้อนแตกตื่นให้กับประชาชนรวมถึงการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตทำกิจกรรมที่เป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศ กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 70.17 มีความคิดเห็นว่าควรใช้วิธีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการควบคุมมากกว่า ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.83 ระบุว่าควรใช้ระบบ "Single gateway" ควบคุมมากกว่า
ในความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการคัดค้านการใช้ระบบ "Single gateway" นั้น กลุ่มตัวอย่างประมาณสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 75.59 ไม่เห็นด้วยกับการแสดงการต่อต้านการนำเอาระบบ "Single gateway" มาใช้กับระบบอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยโดยการเข้าไปสร้างความวุ่นวายในเว็บไซท์ของหน่วยงานราชการต่างๆจนเว็บไซท์ของหน่วยงานนั้นๆล่มและไม่สามารถใช้งานได้ และกลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 68.24 ไม่เห็นด้วยกับการไม่เอาโทษกลุ่มคนที่แสดงการต่อต้านการนำเอาระบบ "Single gateway" มาใช้กับระบบอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยโดยการเข้าไปสร้างความวุ่นวายในเว็บไซท์ของหน่วยงานราชการต่างๆจนเว็บไซท์ของหน่วยงานนั้นๆล่มและไม่สามารถใช้งานได้ ศ.ดร.ศรีศักดิ์กล่าว