เกษตรกรไทยในนามสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย มั่นคง ยั่งยืนแห่งชาติ (สกปช.) ขานรับรัฐบาลในการยกร่างพ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ

อังคาร ๐๘ ธันวาคม ๒๐๑๕ ๑๔:๐๕
สมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติขานรับครม. ในการ "ให้ความสำคัญต่อเกษตรกรไทย"

จากกรณีความคืบหน้าของการออกพระราชบัญญัติความปลอดภัยทางชีวภาพที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากทางคณะรัฐมนตรีแล้วนั้น สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย มั่นคง ยั่งยืนแห่งชาติ (สกปช.) ได้แสดงการขานรับสนับสนุนบทบาทของรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยพ.ร.บ. ดังกล่าวซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะช่วยกำหนดกรอบระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ สำหรับการปลูกพืชจีเอ็มโอหรือพืชเทคโนชีวภาพในประเทศไทย

นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดในคณะสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ได้รับการยอมรับท่านหนึ่ง ให้ความเห็นสอดคล้องกับสกปช.

"เกษตรกรไทยเป็นเกษตรกรที่มีคุณภาพมาก เห็นได้จากการที่ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารชั้นนำของโลก อย่างไรก็ดี เนื่องจากเกษตรกรไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างในอุตสาหกรรม ประกอบกับความก้าวหน้าของเกษตรกรรมแผนใหม่ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เกษตรกรไทยเราจึงมีความเสี่ยงไม่สามารถก้าวทันต่อสถานการณ์ ในฐานะตัวแทนเกษตรกรไทย จึงยินดีที่เห็นครม.ให้ความสำคัญต่อเกษตรกรในครั้งนี้" นายสุกรรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ตัวเลขประมาณการจำนวนประชากรโลกนั้น คาดว่าจะสูงถึง 9 พันล้านคนภายในปี พ.ศ. 2593 ซึ่งจำนวนประชากรในเอเชียภูมิภาคเดียวก็มากกว่า 1 พันล้านคนแล้ว ในช่วงระยะเวลา 10 ปี คาดว่าจะมีประชากรชาย หญิง และเด็กเพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านคนที่อยู่อาศัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการรองรับต่ออุปสงค์ต่าง ๆ ที่จะตามมา เกษตรกรทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกจึงจำเป็นต้องเร่งผลิตอาหารให้มากขึ้น โดยอาจต้องผลิตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 ของอัตราการผลิตในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี จากผลที่ทรัพยากรน้ำและพื้นที่ที่เหมาะแก่การเพาะปลูกมีน้อยลง ภัยจากศัตรูพืชและโรคต่าง ๆ รวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เกษตรกรไทยจึงมีความกดดันในการเพิ่มผลผลิตภายใต้ข้อจำกัดที่ทรัพยากรมีน้อยลง ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร รวมทั้งความมั่นคงทางอาหารของชาติด้วย

ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีพฤกษศาสตร์ (รวมถึงจีเอ็มโอหรือเทคโนโลยีชีวภาพด้านพฤกษศาสตร์) นับเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างหนึ่งในการขจัดปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารของไทย รวมถึงปัญหาความหิวโหยในหลาย ๆ ประเทศ จากสถิติขององค์กร ISAAA (International Service for the Acquisition of Agri- Biotech Applications) พบว่า การใช้เทคโนโลยีชีวภาพช่วยเพิ่มผลผลิตได้ถึงร้อยละ 22 และเพิ่มผลกำไรของเกษตรกรได้ถึงร้อยละ 68 ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาระหว่างพ.ศ. 2538-2557

"การพัฒนาครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้เกษตรกรไทยเจริญก้าวหน้าต่อเนื่อง เป็นกำลังสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประเทศ เกษตรกรของชาติจึงขานรับสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลด้วยความมั่นใจ" นายสุกรรณ์กล่าวเสริม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา