นางพรพาชื่น ชูเชิด อาจารย์ที่ปรึกษา เล่าว่า ด้วยราคาข้าวที่ค่อนต่ำ จึงอยากนำข้าวมาแปรรูปเป็นอาหารชนิดต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของข้าว และเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ สำหรับ "ข้าวเหนียวดำ" ปลูกมากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั่วๆ ไปจะนำข้าวเหนียวดำ มาแปรรูปเป็นของหวาน จากการวิจัยข้าวเหนียวดำมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก สีม่วงของเปลือกหุ้มเมล็ดมีสารที่สำคัญสองชนิดคือ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) มีคุณสมบัติต้านการเกิดปฏิกิริยา ออกซิเดชั่น (Antioxidant) ช่วยการชะลอการเสื่อมของเซลล์ร่างกายหมุนเวียนของกระแสโลหิต และ แกมมาออริซานอล (Gamma Oryzanol) ช่วยลดCholesterol, Triglyceride และเพิ่มระดับของ high density lipoprotein (HDL) ในเลือด ยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ยับยั้งการรวมตัวของเม็ดเลือด เพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลิน ของคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในกระเพาะอาหารอีกด้วย
นางสาวณิชกานต์ แดงอิ่ม เจ้าของเมนูบาร์ข้าวเหนียวดำ เล่าว่า ด้วยสรรพคุณของข้าวเหนียวดำ ตนเองจึงได้นำมาพัฒนาเป็นบาร์ข้าวเหนียวดำ แปรรูปเป็นขนมในรูปแบบของบาร์ อยากช่วยชาวนาไทย เพราะว่า กว่าที่จะได้ข้าวมา ต้องลงแรงลงทุนเยอะมาก ซึ่งตนเองเรียนเกี่ยวกับการทำอาหาร การคิดค้นเมนูใหม่ๆ เป็นอีกช่องทางที่ช่วยชาวนาได้ สำหรับส่วนผสมของบาร์ข้าวเหนียวดำ ซึ่งส่วนผสมดังกล่าวจะได้บาร์ 8 แท่งเล็ก กว้าง 2 ซม.ยาว 8 ซม. ส่วนผสมประกอบด้วย ข้าวเหนียวดำพอง1¼ ถ้วย คอร์นเฟลก ¼ ถ้วย น้ำผึ้ง ½ ถ้วย เนย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตายทรายหรือน้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ กลิ่นวานิลา ½ ช้อนชา เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ¼ ถ้วย ส้มจี้ดอบแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1.นำข้าวเหนียวดำพอง คอร์นเฟลก เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และส้มจี้ดอบแห้ง มาคั่วในกระทะจนได้กลิ่นหอมจากนั้นนำขึ้นพักไว้ 2. ตั้งไฟนำเนยมาละลายบนกระทะเติมน้ำผึ้ง น้ำตาล กลิ่นวานิลลา น้ำให้ความร้อนจนกระทั่งส่วนผสมเดือดอุณหูมิอยู่ที่ประมาณ 120-126 c 3.นำข้าวเหนียวดำพองคอร์นเฟลก เม็ดมะม่วงหิมพานต์และส้มจี้ดอบแห้งใส่ลงตามไปในกระทะคนให้เข้ากับส่วนผสมน้ำตาลจนทั่ว 4 เทส่วนผสมทั้งหมดลงบนกระดาษไขรองอบ ปาดให้เสมอกันเป็นสีเหลี่ยม ให้หนาประมาณ ¼ นิ้ว หรือ ½ นิ้ว แล้วนำกระดาษอีกแผ่นวางทับไป ทิ้งไว้เย็นประมาณ 5 นาที ตัดให้เป็นแท่ง ถ้ามีเตาอบให้อบที่อุณหภูมิ 200 c 5-7 นาที เพราะว่าการอบจะทำให้ขนมกรอบอยู่ได้นาน
เจ้าของสูตรไอศกรีมข้าวเหนียวดำ นางสาวพัทยา ไตรอุดม และนางสาววิภาวงค์ แซ่ซ่ง เล่าว่า ด้วยประเทศไทยเป็นเมืองร้อน การแปรรูปไอศกรีมเป็นอีกช่องทางที่นำมาสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ตอนที่ช่วยกันคิดสูตร พยายามหาวัตถุดิบในประเทศไทย ซึ่งข้าวเป็นพืชหลักของประเทศ เมื่อได้ทราบราคาข้าว จึงอยากนำข้าวมาแปรรูปเป็นอาการ จากการศึกษามีสรรพคุณทางยาและกลิ่นของข้าวเหนียวดำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงได้คิดค้นสูตรไอศกรีมข้าวเหนียวดำขึ้นมา ส่วนผสมประกอบด้วย ข้าวเหนียวดำ ¼ ถ้วย น้ำเปล่าสำหรับต้มข้าว 3 ½ ถ้วย ผงเจลาติน 7 กรัม น้ำเปล่าสำหรับบานเจลาติน 2 ½ ช้อนโต๊ะ วิปปิ้งครีม/ครีมสด 1 ¼ ถ้วย กลิ่นใบเตยหรือใบเตยสด ½ถ้วย น้ำตาลทราย ½ ถ้วย เกลือป่น ¼ ช้อนชา กะทิ 1 ¾ ถ้วย มะพร้าวอ่อน (หั่นเป็นเส้น) ½ ถ้วย น้ำแข็ง 2-3 กิโลกรัม เกลือ 500 กรัม
ขั้นตอนในการทำไอศกรีม 1. แช่ข้าวเหนียวดำด้วยน้ำเปล่า 1 ถ้วย เป็นเวลา 4-6 ชั่วโมง (หรือค้างคืน) 2. ต้มข้าวเหนียวดำด้วยไฟแรงหมั่นคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ข้าวติดหม้อ เติมน้ำเปล่าเพิ่มอีก 2 ½ ถ้วย (360 กรัม) ต้มจนข้าวเหนียวสุกพอง (หากต้องการเคี้ยวข้าวหนึบๆ เวลาทานไอศกรีมก็ต้มพอสุก) ปิดไฟยกลงจากเตา พักให้เย็น 3.ใส่น้ำตาล ใบเตย เกลือ ลงผสมกับวิปปิ้งครีมคนเข้ากัน จนน้ำตาลละลาย ใส่กะทิ 4. ใส่ข้าวเหนียวดำและมะพร้าวอ่อนลงผสมกับครีม คนให้เข้ากัน 5. เทใส่โถปั่นไอศกรีม ปั่นประมาณ 15 นาที หรือจนเนื้อเนียนฟูได้ที่ ใส่กล่องที่มีฝาปิดสนิทแล้วนำไปแช่เย็น
สำหรับชาวนาหรือประชาชนที่สนใจสูตรทั้ง 2 เมนู สามารถนำสูตรไปใช้ได้ หรือสร้างอาชีพให้กับครอบครัว ซึ่งทางอาจารย์และนักศึกษาไม่มีลิขสิทธิ์ของสูตร ซึ่งตอนนี้อาจารย์และนักศึกษาได้ทำการคิดค้นสูตรเมนูจากข้าวอีกหลายเมนู เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดต่อไป ผู้ที่มีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์พรพาชื่น ชูเชิด โทร.095-7975858