นาง ปรีญาณี สุพุทธิพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท นานมี กล่าวว่า ในปีนี้การประกวดได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผลงานส่งเข้ามาเป็นจำนวนมากหลายพันภาพ ซึ่งผลงานมีการพัฒนาทั้งในรูปแบบ ความคิด การแสดงออก การถ่ายทอดเรื่องราว เทคนิคการสร้างสรรค์และการใช้สี โดยได้รับเกียรติจากคณาจารย์ ศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิด้านงานศิลปะชั้นแนวหน้าของประเทศมาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน สิ่งที่น่าปลื้มใจคือศิลปินทุกระดับต่างเคยได้เห็นและชื่นชมภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ซึ่งภาพวาดจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน แสดงถึงพลานุภาพแห่งการสร้างสรรค์ สะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพแห่งพระองค์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆได้น้อมนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลงานของตนเองต่อไป
นายพลวัฒน์ สามิดี อายุ 17 ปี คว้ารางวัลยอดเยี่ยม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และอาชีวศึกษา บอกว่า "รู้สึกดีใจที่ในวันนี้ได้เห็นภาพสำเนา ภาพฝีพระหัตถ์รัชกาลที่ ๙ ซึ่งการวาดภาพสักรูปหนึ่งนั้นต้องใช้ความอดทนและฝึกฝนอย่างมาก จึงเห็นว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงหมั่นฝึกฝนและใช้ความอดทนเช่นกัน ผมจึงจะจำไว้เป็นแบบอย่างครับว่าไม่ว่าจะทำกิจการงานใด ต้องอาศัยความเพียรจึงจะประสบความสำเร็จครับ สำหรับภาพผลงานที่ชนะการประกวด เป็นการจำลองประเพณีบุญข้าวสาก ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นบ้านผม (จ.เลย) นิยมทำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นประจำทุกปี ที่เรียกว่า "บุญข้าวสาก" เพราะมีการทำสากหรือสลากเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ที่เห็นในภาพชาวบ้านกำลังทำข้าวต้มมัดในพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อให้ข้าวในนาและพืชผลทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์ ฝนตกต้องตามฤดูกาล เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้ชาวบ้านได้มีความสามัคคี ซึ่งผมจะช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์รักษาให้ประเพณีนี้ยังคงมีอยู่ชั่วลูกหลานต่อไปครับ"
นายสุภชัย นาทีชัยชนะ ผู้ชนะรางวัลยอดเยี่ยม ระดับอุดมศึกษา และประชาชนทั่วไป กล่าวว่า "สมัยตอนเป็นเด็กผมเห็นภาพวาดฝีพระหัตถ์รัชกาลที่ ๙ แล้ว ประทับใจมาก เมื่อได้มีโอกาสเรียนศิลปะก็ยิ่งทำให้ซาบซึ่งในผลงานภาพฝีพระหัตถ์มากยิ่งขึ้น ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านจิตรกรรมอย่างแท้จริง และสิ่งสำคัญ รัชกาลที่ ๙ ทรงสอนทุกอย่างให้กับคนไทย เมื่อน้อมนำพระราชดำรัสมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต จะทำให้ชีวิตมีความสุขสำหรับภาพผลงานของผม ก็น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นปรงบันดาลใจในภาพ วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่เรียบง่ายของคนไทยในอดีตถูกถ่ายทอดลงมาในผืนผ้าใบ สะท้อนความเป็นไทย ในการอยู่กิน ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยความสุจริตและเรียบง่ายครับ"
กลุ่มบริษัทนานมี ขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปเข้าชมนิทรรศการ โดยเข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2559 ณ นานมีแกลลอรี ชั้น 3 อาคารนานมี สาทร(ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์) และสามารถร่วมซื้อผลงานจิตรกรรมโดยรายได้จากการจำหน่ายภาพทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อสมทบทุนสภากาชาดไทย
สอบถามเพิ่มเติม 02-648-8000