ชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย SUPER POLL เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง เสียงของประชาชนต่อ การปรับปรุงกฎหมายควบคุมยาสูบและ การป้องกันปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนหน้าใหม่

อังคาร ๒๐ ธันวาคม ๒๐๑๖ ๑๔:๓๗
ดร.นพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง เสียงสะท้อนของประชาชนต่อ การปรับปรุงกฎหมายควบคุมยาสูบและการป้องกันปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 5,019 ตัวอย่าง ระหว่าง วันที่ 10 พฤศจิกายน - 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา พบว่า

ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.6 ระบุ กฎหมายบุหรี่ใช้มาแล้วยี่สิบห้าปีต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อรู้เท่าทันวิธีการของบริษัทบุหรี่และเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ไม่ให้สูบบุหรี่ ในขณะที่ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.4 ระบุ งานวิจัยจากทั่วโลกชี้ชัดว่าการสูบบุหรี่นำไปสู่สิ่งเสพติดชนิดอื่น การปรับปรุง กฎหมายควบคุมยาสูบ จะช่วยป้องกันการติดยาเสพติดของเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.2 ระบุ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องปรับปรุงกฎหมายให้ป้องกันและแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ของคนไทยให้ได้ผลมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสีย

ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.5 ระบุ บริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ทุ่มเทเงินจำนวนมากต่อต้านการปรับปรุงกฎหมายควบคุมยาสูบเป็นเพราะบริษัทบุหรี่ข้ามชาติต้องการปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทมากกว่า การดูแลสุขภาพของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

ที่น่าสนใจคือ หลังจากแยกวิเคราะห์ประชาชนออกเป็นกลุ่ม ผู้สูบ และ กลุ่ม ผู้ไม่สูบ พบว่า ทั้งสองกลุ่มส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 91.9 ของกลุ่มผู้สูบ และร้อยละ 96.7 ของกลุ่มผู้ไม่สูบ เห็นด้วยว่ากฎหมายบุหรี่ที่ใช้มาแล้วยี่สิบห้าปีต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อรู้เท่าทันวิธีการของบริษัทบุหรี่ และเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ไม่ให้สูบบุหรี่

นอกจากนี้ ทั้งกลุ่มผู้สูบและ กลุ่มผู้ไม่สูบ ส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 86.4 ของกลุ่มผู้สูบ และร้อยละ 94.1 ของกลุ่มผู้ไม่สูบ เห็นด้วยกับ งานวิจัยจากทั่วโลกชี้ชัดว่าการสูบบุหรี่นำไปสู่สิ่งเสพติพชนิดอื่น การปรับปรุงกฎหมายควบคุมยาสูบจะช่วยป้องกันการติดยาเสพติดของเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ และเมื่อวิเคราะห์ช่วงเวลาที่รัฐบาลต้องปรับปรุงกฎหมาย พบว่า ส่วนใหญ่ของทั้งสองกลุ่มคือ ร้อยละ 88.3 ของกลุ่มผู้สูบ และ ร้อยละ 95.8 ของกลุ่มผู้ไม่สูบ เห็นด้วยว่า ถึงเวลาแล้ว ที่รัฐบาลต้องปรับปรุงกฎหมายให้ป้องกันและแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ของคนไทยให้ได้ผลมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสีย

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อแยกประชาชนออกเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน กับ กลุ่มผู้ใหญ่ในประเด็นสำคัญเรื่องบุหรี่ พบว่า ส่วนใหญ่ของทั้งสองกลุ่มคือ กลุ่มเด็กและเยาวชน กับ กลุ่มผู้ใหญ่ คือร้อยละ 93.9 และ 95.8 เห็นด้วยว่ากฎหมายบุหรี่ใช้มาแล้วยี่สิบห้าปี ต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อรู้เท่าทันวิธีการของบริษัทบุหรี่และเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ไม่ให้สูบบุหรี่ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ของทั้งกลุ่มเด็กและเยาวชน กับ กลุ่มผู้ใหญ่ เห็นพ้องตรงกัน คือร้อยละ 91.9 กับ ร้อยละ 91.7 ระบุเห็นด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องปรับปรุงกฎหมายให้ป้องกันและแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ของคนไทยให้ได้ผลมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4