ดร. ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการที่ธุรกิจยานยนต์เป็นธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบจากยางพาราเป็นจำนวนมาก และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไทยมีผลผลิตยางถึง 4.47 ล้านตัน สามารถนำไปใช้ภายในประเทศประมาณ 0.6 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 13.42 ของผลผลิตทั้งหมด และยางส่วนใหญ่ถูกใช้ในการผลิตยางพาหนะ 0.34 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 56.48 ของปริมาณยางทั้งหมด กยท. จึงร่วมมือ บ.ดีสโตน ผลักดันการแปรรูปใช้ยางในประเทศเพื่อนำยางพารามาผลิตล้อยางรถยนต์ ในโครงการยางล้อประชารัฐ ภายใต้แบรนด์ TH-TYRE ซึ่งในปัจจุบันยางที่ใช้ในการผลิตล้อยางทั่วไปเป็นยางพาราธรรมชาติ 10 % แต่ยางในโครงการยางล้อประชารัฐ หรือ TH-TYRE จะใช้ยางพาราธรรมชาติประมาณ 45 % โดย TH-TYRE จะผลิตล้อยางที่สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้ยานพาหนะ 2 ประเภท ประกอบด้วย 1. ยางล้อรถมอเตอร์ไซค์ 2. ยางล้อรถรถยนต์ (แท็กซี่ รถตู้ รถกระบะ) สิ่งสำคัญคือ ผู้บริโภคจะได้ใช้ล้อยางที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล (ISO) และผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่น คงทน และใช้งานได้ยาวนาน ที่สำคัญคือราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปถึง 20-30 % นอกจากนั้นยังดีต่อเกษตรกรและยังเป็นการนำเอายางพารามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในประเทศเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจล้อยางแบรนด์ TH-TYRE สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ กยท. ทุกสาขาทั่วประเทศ และ ตัวแทนจำหน่ายยางดีสโตนกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ โดย TH-TYRE จะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้
จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยสนับสนุนเกษตรกรไทย ใช้สินค้าไทย เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยก้าวหน้าต่อไป