กสอ. ปลื้มองค์กรที่ร่วมมหกรรมคิวซีสามารถลดต้นทุนได้กว่าหมื่นล้านบาท พร้อมแนะสิ่งที่อุตฯ ไทย จำเป็นต้องเตรียม 4 ข้อ

จันทร์ ๒๔ เมษายน ๒๐๑๗ ๑๒:๒๙
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เผยอุตสาหกรรมไทยต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการยกระดับผลิตภาพ 2. ด้านการพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจ/คลัสเตอร์ และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม 3. ด้านการลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และ 4. ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมจับมือกับสมาคมส่งเสริมคุณภาพแห่งประเทศไทยเร่งยกระดับภาคอุตสาหรรม ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคราชการและโรงพยาบาล ด้วยการจัดมหกรรมคิวซีแห่งประเทศไทยที่จัดอย่างต่อเนื่องมาถึง 31 ปี ซึ่งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เพื่อนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์และเพิ่มคุณภาพด้านต่าง ๆ ภายในหน่วยงานของตนเอง ทั้งนี้ จากการจัดงานได้รับความสนใจจากหน่วยงานต่างๆ เป็นอย่างดีเยี่ยม รวมถึงพบผลงานเชิงนวัตกรรมมากมายที่นำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร อาทิ นวัตกรรมการลดเวลาการเชื่อมระบบทำความเย็นตู้แช่ จากบริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด นวัตกรรม Contact Joystick for Overhead Crane ผลงานการพัฒนาวิธีการดึงลากเชือกนำในงานขึงสายไฟฟ้าให้ลอยสูงเหนือพื้นดิน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กร จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมในโลกยุคปัจจุบันมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันหรือคิดค้นกลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจมีความแตกต่างจากผู้อื่น โดยเฉพาะ การเพิ่มขีดความสามารถในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพทั้งในส่วนของภาคการผลิตและภาคบริการ ให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างกลยุทธ์ดังกล่าวถือเป็นความสามารถพิเศษขององค์กรธุรกิจอย่างหนึ่งที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนหรือเลียนแบบได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำมาใช้ในการผลิต ระบบการจัดการภายใน ระบบการบริหารและภาพลักษณ์ขององค์กร เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญอย่างมากที่ภาคอุตสาหกรรมของไทยต้องพยายามสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาที่ระบบการค้าเสรี กำลังมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเมื่อผู้ประกอบการได้พัฒนาและปรับปรุงคุณภาพของสินค้าและบริการให้ดีขึ้นแล้ว ย่อมหมายถึง ต้นทุนในด้านต่างๆ ทั้งจากขั้นตอนการทำงาน ก็จะลดน้อยลง สามารถลดความผิดพลาดได้มากขึ้น นอกจากนี้ เมื่อคุณภาพของสินค้าและบริการดีขึ้น ก็ยังจะช่วยให้ผลผลิตขององค์กรสามารถเพิ่มมูลค่าในมิติต่าง ๆ ให้สูงขึ้นได้ ดังนั้น กลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้นจึงถือเป็นเครื่องมือนำทางที่สำคัญอย่างมากเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนในที่สุด

ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมของไทยยังต้องปรับตัวในด้านการใส่ใจคุณภาพเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของกระแสความต้องการของโลกและผู้บริโภค โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้พยายามมองหาจุดอ่อนที่ผู้ประกอบการ องค์กร และภาคธุรกิจกำลังประสบกับอุปสรรคในหลากหลายประเภท ซึ่งพบว่าองค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญกับปัญหาหลัก ดังนี้

1. ด้านการยกระดับผลิตภาพ หลากหลายองค์กรธุรกิจยังขาดการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อให้ผลผลิตมีปริมาณหรือคุณภาพสูงขึ้น ทั้งยังขาดการคำนึงถึงการใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มาปรับปรุงปัจจัยในการผลิต อาทิ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ทักษะความชำนาญและความสามารถของบุคลากรรอบด้าน การใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า การสร้างเอกลักษณ์และความแตกต่าง รวมทั้งยังขาดความต่อเนื่องในการปรับปรุงธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์

2. ด้านการพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจ / คลัสเตอร์ และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม หลายองค์กรยังมีการทำงานแบบโดดเดี่ยว ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้หรือประยุกต์สิ่งต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจได้การส่งเสริมการรวมกลุ่มเครือข่ายธุรกิจจึงมีข้อดีคือช่วยก่อให้เกิดการพัฒนาเทคนิคและรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งยังช่วยในการแสวงหาปัจจัยการผลิตจากองค์กรภายในกลุ่ม

3. ด้านการลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันองค์กรหลายๆ แห่งยังขาดความสามารถและความรู้ที่เพียงพอในการแสวงหาวิธีว่าจะลดต้นทุนได้อย่างไร ขณะที่บางแห่งใช้กลวิธีในการลดต้นทุนที่ไม่ถูกต้องจนทำให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพของสินค้า ซึ่งปัญหาในข้อนี้ผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากองค์กรธุรกิจที่เป็นต้นแบบ เพื่อให้สามารถนำกลยุทธ์นี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อความอยู่รอดขององค์กรธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนในวันข้างหน้า

4. ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน องค์กรและภาคอุตสาหกรรมในยุคใหม่จำเป็นจะต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ทั้งยังต้องสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial) และส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) เช่น สิ่งทอและวัสดุก่อสร้างสีเขียว รถยนต์พลังงานไฟฟ้า พลาสติกชีวภาพ เป็นต้น

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการมองหาจุดอ่อนที่ภาคธุรกิจกำลังประสบกับอุปสรรคต่าง ๆ แล้ว กสอ.ยังได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการสร้างจุดแข็งเข้ามาแทนที่ปัญหาซึ่งองค์กรธุรกิจกำลังประสบหรือเผชิญอยู่ ทั้งด้วยการใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค การมีวัตถุดิบทางการเกษตรที่หลากหลายและมีคุณภาพ การมีแรงงานฝีมือการมีภาคเกษตรและภาคบริการที่เอื้อต่อการต่อยอดการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และการมีทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยที่สามารถนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวสามารถนำมาสร้างความได้เปรียบจากโอกาสที่เกิดขึ้น เช่น การเข้าสู่ AEC ทำให้มีวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำกว่า และสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น การเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมบนพื้นฐานศักยภาพของประเทศ และการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม การวิจัย และพัฒนา เป็นต้น

โดยในปี 2560 กสอ. ได้ร่วมกับสมาคมส่งเสริมคุณภาพแห่งประเทศไทย จัดงานมหกรรมคิวซีแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นปีที่ 31 เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาคเอกชน ภาครัฐวิสาหกิจ และภาคราชการและโรงพยาบาล เพื่อยกระดับคุณภาพของสินค้าและบริการตามหลักการของคิวซี รวมทั้งสิ้น 117 กลุ่ม โดยแบ่งเป็นภาคอุตสาหกรรม 52 กลุ่มภาครัฐวิสาหกิจ 17 กลุ่ม ภาคราชการและโรงพยาบาล 48 กลุ่ม ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในแต่ละปีผลงานขององค์กรต่าง ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มคิวซีสามารถลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าในภาพรวมได้กว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่บางองค์กรสามารถเพิ่มมูลค่าได้กว่า 200 ล้านบาท อาทิ บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด ลดต้นทุน/เพิ่มผลผลิตได้ 288,000,000 บาทบริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด (โรงงงานสระบุรี) ลดต้นทุน/เพิ่มผลผลิตได้ 30,00,000 บาท บริษัท ซี พี แรม จำกัด ลดต้นทุน/เพิ่มผลผลิตได้ 15,580,000 บาท บริษัท ไทยโพลิเอททีลีน จำกัด ลดต้นทุน/ เพิ่มผลผลิตได้ 15,00,000 บาท บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ลดต้นทุน/เพิ่มผลผลิตได้ 9,100,000 บาท บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ลดต้นทุน/เพิ่มผลผลิตได้ 3,605,000 บาท เป็นต้น

สำหรับงานมหกรรมคิวซีแห่งประเทศไทย กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 เมษายน 2560 ณ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-2024414 – 17 หรือ เข้าไปที่ www.dip.go.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?