แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค ภายใต้การสนับสนุนจาก สิงห์คอร์ปเปอร์เรชั่น เดอะพิซซ่าคอมปะนี ดาคอนอินสเป็คชั่นเซอร์วิสเซส การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การบินไทย ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งความหวังขึ้นโพเดียมในสนามบ้าน ทว่าโชคไม่เข้าข้างรถถูกชนพัง ทำให้ชวดคะแนนสะสมไปอย่างน่าเสียดาย
การฝึกซ้อม (Free practice) เกิดขึ้นในวันศุกร์และรถคู่ใจ ลัมโบกินี ฮูราแคน จีทีสาม ของแซนดี้ ถูกถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 20 กิโล ซึ่งหมายความว่าเสียเปรียบคู่แข่งยิ่งขึ้น นี่เป็นความท้าทายสำหรับแซนดี้และมาร์ติน โคดริค นักขับชาวโคเอเชีย เพื่อนร่วมทีมของเขา ขณะที่พวกเขาทั้งสองต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็ได้อยู่ในครึ่งล่างของ 10 อันดับแรกเท่านั้น
รอบควอลิฟายเกิดขึ้นในเช้าวันเสาร์ โคดริคลงในควอลิฟายแรก และแซนดี้ลงในควอลิฟายสอง ผลการควอลิฟาย โคดริคทำได้ดี ได้กริดสตาร์ทที่ 6 สำหรับการแข่งเรสแรก ส่วนแซนดี้ ได้กริดสตาร์ทที่ 13 ในการแข่งเรสที่ 2 ถือเป็นสภาวะที่แข่งขันกันสูงมาก ท่ามกลางรถทั้งหมดเกือบ 30 คัน
การแข่งขันเรสแรก เริ่มต้นขึ้น เป็นช่วงเวลาสำคัญมาก โคดริค ออกสตาร์ทได้ดี แซงขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ได้ทันที ในแลปแรก เวลาผ่านไป 10 นาที โคดริคยังคงรักษาตำแหน่งของเขาได้ดี จนกระทั่ง มีรถ จีทีสี่ (GT4) ซึ่งขับน๊อครอบรั้งท้ายพยายามจะกลับเข้ามาในแทรคซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะเข้ามาขวางทางรถเฟอร์รารี่ที่ขับนำอยู่ในขณะนั้น เป็นเหตุให้รถเฟอร์รารี่คันดังกล่าวซึ่งขับโดย หลิว นักขับจีน เกิดการชนกัน หลุดออกจากการแข่งขันไป และจากการชนกันนั้น รถหมุนเหวี่ยงมากระแทกยังรถหมายเลข 66 ลัมโบกินีจีทีสาม ซึ่งขับตามมาในอันดับที่ 3 และไม่สามารถจะหลบเลี่ยงได้ทัน ส่งผลให้รถพังไปถึงส่วนเครื่องยนต์ ต้องออกจากการแข่งขัน ไม่เพียงแค่วันเสาร์ แต่รวมไปถึงเรสที่ 2 ในวันอาทิตย์ด้วยเช่นกัน
แซนดี้ กล่าวว่า "ผมเสียใจมาก ต้องขอโทษแฟน ๆ ชาวไทยที่กำลังเชียร์ผม ตอนนั้นผมหวังจริงๆว่าผมจะได้มีโอกาสได้ที่จะขึ้นโพเดียม โอกาสมันอยู่ตรงหน้าแล้วจริงๆ "