Mango Learning Express ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อในสหราชอาณาจักร และตัวแทนอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยDurham และมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักร ร่วมกับ Durham University Thai Society จัดงานสัมมนา Durham Knowledge Sharing ในหัวข้อ "โลกเปลี่ยน เรา (ต้อง) ปรับ: การศึกษา ตลาดงาน และความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล" เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนเตรียมความพร้อมให้แก่เยาวชนในการศึกษาต่อต่างประเทศ ด้วยการวางแผนการศึกษาอย่างรู้เท่าทัน สอดรับกับความเปลี่ยนไปในอนาคต พร้อมยกทัพสุดยอดผู้บริหารชั้นนำระดับประเทศที่มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ สู่การพัฒนาบุคลากรในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศในยุค 4.0
การจัดงานครั้งนี้ Mango Learning Express ได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในฐานะสถาบันแนะแนวการศึกษาต่อมาถ่ายทอด พร้อมกับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิชั้นนำระดับประเทศที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และให้แนวคิดในการวางแผนทางการศึกษาอย่างครอบคลุม
คุณอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ Line ประเทศไทย ได้มาแนะแนวการวางแผนการศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยชี้ว่า ''การจะประสบความสำเร็จนั้น เราต้องกล้าที่จะเดินในเส้นทางที่แตกต่างจากคนอื่น จะทำให้ได้เปรียบ หากมีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ นักเรียนไทยควรที่จะใช้ชีวิตในแบบของคนประเทศนั้นๆ มากกว่าการรวมกลุ่มคนไทยด้วยกันเอง เพราะ จะทำให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่หลากหลายมากกว่าแค่ในห้องเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วและความกล้าในการแสดงความเห็น ซึ่งย้งคงเป็นจุดอ่อนของเด็กไทยในปัจจุบันที่ควรพัฒนา นอกจากนี้ทักษะด้านบุคคลหรือ People Skill ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเพื่อการเข้าสู่การเป็นผู้บริหารต่อไป ทั้งนี้ เพื่อสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต คนรุ่นใหม่จำเป็นที่จะต้องมี Analytical Thinking ในการแก้ปัญหา และต้องเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยี เพราะ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น และเทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อทุกอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันคนไทยมีสถิติการใช้อินเตอร์เน็ต 2 ใน 3 ของประชากร''
พ.อ.ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม และรองประธานกสทช. ร่วมพูดถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและการเตรียมความพร้อมสู่ยุคดิจิทัลในอีก 10 ปี โดยกล่าวว่า ''อนาคตในอีกสิบปีจากนี้โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และจะเกิดปรากฏการณ์พลิกผันอย่างคาดไม่ถึงของเทคโนโลยี หรือที่เรียกว่า Super-Exponential ด้วยการเติบโตของเทคโนโลยี ทำให้เกิดแป็น Big Data มากมายส่งผลต่อการสร้างLearning ในเชิงลึกและทำให้สามารถคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำ อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของโลก ในอีก 5 ปี จะมีอุปกรณ์เชื่อมโยงข้อมูล 1 แสนล้านชิ้น และจะมี Big Data ประกบกับ Ai เรียนรู้ประสบการณ์ พฤติกรรมต่างๆ ทำให้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ในการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตนั้น เราต้องสร้างคนให้เข้ากับความต้องการในอนาคต คือ 1.เป็นนักวิเคราะห์ที่รู้จักใช้เครื่องมือใหม่ๆในอนาคต 2.มีความคิดสร้างสรรค์ในการแปลง Big Data ให้เข้าคนทั่วเข้าใจได้ และสนใจเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่ตลอด และ 3.สามารถทำรูปแบบการนำเสนอใหม่ๆ เช่น กราฟฟิก ภาพสามมติ และ Visualization ได้ ''
อีกทั้ง รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังร่วมกล่าวถึงการเปลี่ยนทัศนคติเพื่อเตรียมความพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล สู่การเป็นผู้รอดที่พร้อมแข่งขันในธุรกิจ และชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ''การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากตัวเรา เราไม่สามารถถูกบังคับให้เปลี่ยนได้ ทุกวันนี้คนยังคงกลัวอนาคต แต่ในความเป็นจริงอนาคตมาถึงแล้ว เพียงแต่ใครจะรู้หรือเห็นก่อนเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของอนาคตคือ Flow of knowledgeที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญกว่า Storage of knowledge หรือความรู้ในห้องเรียน เพราะจะทำให้คนเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา, การสื่อสารและการหาความรู้เพิ่มเติม โดยในอนาคตทุนนิยมต้องเป็น creative disruption ที่ต้องมีนวัตกรรมเพื่อสร้างสิ่งใหม่ในการพัฒนาประเทศ เพราะ Innovation เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ ด้วยการดูปัญหาที่อยู่รอบตัว คิดหาSolution และสร้างValue ให้เกิดขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว เด็กไทยต้องรู้จักการ Connect the dots คือการผสานความรู้, ประสบการณ์ และ ความคิดสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน''
คุณกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมบรรยายถึงข้อดีของระบบการศึกษาในต่างประเทศสู่แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรและสอดรับกับตลาดงานในอนาคต โดยกล่าวว่า ''ความเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อคนไทยนั้นเกิดจาก Mega trend ประการแรกคือ Urbanization การย้ายถิ่นฐานของประชากรจากชนบทสู่เมือง ซึ่งทั่วโลกตอนนี้พบว่ามีถึง 1,500 ล้านคน และคาดการณ์ว่าอนาคตจะถึง3,500 ล้านคน อีกประการคือ การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และประการสุดท้ายคือ การเป็นสังคมผู้อายุ โดยพบว่าปัจจุบันมีอัตราส่วนของคนวัยทำงานและผู้สูงอายุอยู่ที่ 5:1 ซึ่งในอนาคตคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 2:1 ในอีก20 ปี จะทำให้ตลาดงานมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น แต่หลายปัญหาแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยี จากการใช้ทรัพยากรที่มีน้อยลงให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะฉะนั้นไทยจึงควรลงทุนพัฒนาด้านการศึกษา ซึ่งต้องใส่ใจตั้งแต่เด็กอายุยังน้อยสู่การเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ หรือที่เรียกว่า zero to hero อีกทั้งในปัจจุบันพบว่าจากการศึกษาไทยไม่ตอบโจทย์ทั้งนักเรียนและนายจ้างได้ เนื่องจากเด็กไทย ใช้เวลากว่า 80% ในการเรียนทฤษฎี และเรียนรู้ภาคปฏิบัติไม่ถึง 20% ซึ่งเป็นสถิติที่สวนทางกับการศึกษาของหลายๆประเทศ ซึ่งการเปลี่ยนที่ควรเกิดขึ้นนั้นนอกจากวิธีการสอนแล้ว วิธีการทดสอบเด็กควรเปลี่ยนเพื่อสอดรับกันด้วย โดยอีกประการที่จะช่วยให้เด็กไทยสามารถพัฒนาศักยภาพได้คือความสามารถด้านภาษาที่จะทำให้เด็กไทยสามารถค้นหาความรู้ได้''
นอกจากนี้คุณกานต์ จาติกวณิช ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยDurhamมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของประเทศอังกฤษ ยังได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การเรียนในประเทศอังกฤษ และบรรยายถึงความสำคัญการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ โดยมีตัวอย่างโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่าง English for all ซึ่งเป็นโครงการไม่แสวงผลกำไรที่มุ่งพัฒนาความรู้ความสามารถด้านภาษาอังกฤษของนักเรียนในชนบทเพื่อสร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษา
คุณปรียาพร สินฉลอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมงโก้ เลิร์นนิ่ง เอ็กซ์เพรส จำกัด ร่วมบรรยายถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และการปรับตัวของสถาบันแนะแนวการศึกษาให้สอดรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป กล่าวว่า ''จากประสบการณ์การให้คำแนะนำด้านการศึกษาต่อเนื่องอย่างยาวนาน เราพบว่าพฤติกรรมของกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นเปลี่ยนไปอันมีสาเหตุมาจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี นอกจากนี้คนรุ่นใหม่ยังประสบปัญหาที่บางคนไม่รู้จะเรียนอะไรดี หรือบางคนไม่กล้าเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบเพราะไม่รู้ว่าจะสามารถสร้างอาชีพจากสิ่งนั้นได้หรือไม่ ทำให้หลายคนไม่สามารถวางแผนการศึกษาต่อได้ตรงความต้องการที่แท้จริง ส่งผลให้เยาวชนไทยส่วนใหญ่ไม่พอใจกับงานของตนเองเมื่อถึงวัยทำงาน Mango Learning Express จึงปรับรูปแบบการให้บริการเพื่อแก้ปัญหาและสอดรับกับพฤติกรรมของเยาวชนอย่างแท้จริง ด้วยแนวคิดService Design Thinking ที่มีกระบวนการดำเนินงาน ประกอบไปด้วย การศึกษา Customer pain เพื่อหาปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า, Customer empathy ออกแบบคำถามด้วยความเข้าใจลูกค้า เพื่อค้นหาให้เจอว่าอะไรคือความต้องการที่แท้จริง, Customized plan ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้คำแนะนำตามความต้องการและความถนัดของลูกค้าแต่ละคน ให้เข้ากับความต้องการของตลาดในแต่ละสาขาอาชีพ และ Customer journey เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในทุกๆการติดต่อสื่อสาร ทั้งในแง่การให้คำแนะแนวแบบ real-time การแชร์ข้อมูลและเอกสาร หรือแม้กระทั่งการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการสร้างภาพลักษณ์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าสู่การให้คำแนะนำการศึกษาต่อเพื่อสร้าง user experience ที่ดีเยี่ยม ซึ่งจะช่วยให้เด็กไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จทางการศึกษาได้อย่างดี''
โดยทั้งหมดนี้จะเป็นแนวคิดที่สำคัญซึ่งจะช่วยทำให้เยาวชนตลอดจนผู้ปกครองสามารถวางแผนการศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่นอกจากจะช่วยให้เยาวชนสามารถบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาได้แล้วนั้น ยังช่วยพัฒนาสู่การเป็นบุคลากรที่สำคัญของประเทศต่อไปในอนาคต