เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้สนับสนุนงานด้านการพัฒนาสถานีส่งออกก๊าซแอลเอ็นจีในรัฐลุยเซียนาที่ Venture Global LNG ได้เสนอไว้และดำเนินการอยู่ โดยขณะนี้ทางบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาสถานี Calcasieu Pass ที่มีศักยภาพรองรับแอลเอ็นจี 10 ล้านตันต่อปีในอ่าวเม็กซิโก และสถานี Plaquemines LNG ที่มีศักยภาพรองรับก๊าซ 20 ล้านตันต่อปีในเขตพลาคไมน์ โดยใช้เทคโนโลยีแปลงสภาพเป็นของเหลวระดับกลางที่มีประสิทธิภาพสูง
บ็อบ เพนเดอร์ ซีอีโอร่วม ได้กล่าวถึงการเพิ่มทุนครั้งนี้ว่า "หลังจากที่ไม่นานมานี้เราได้จัดทำข้อตกลงซื้อและขาย ("SPA") โดยมีผลผูกมัดเป็นเวลา 20 ปีกับ Edison (บริษัทในเครือ EDF Group) เช่นเดียวกับสัญญา SPA มีผลผูกมัดเป็นเวลา 20 ปีที่เราได้จัดทำก่อนหน้านี้กับ Shell North America LNG การเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัดครั้งนี้จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ เกี่ยวกับศักยภาพของเราในการส่งมอบก๊าซแอลเอ็นจีที่มีต้นทุนต่ำสุดจากอเมริกาเหนือสู่ตลาดโลก"
ไมค์ ซาเบล ซีอีโอร่วม กล่าวเสริมว่า "นักลงทุนและลูกค้าผู้ซื้อแอลเอ็นจียังคงให้การยอมรับกลยุทธ์แนวใหม่และการดำเนินงานอย่างมีคุณภาพของเรา ขณะที่เราและพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง GE Oil & Gas, LLC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Baker Hughes, a GE Company ("BHGE") เดินหน้าพัฒนาโครงการแอลเอ็นจีชั้นแนวหน้าในอเมริกาเหนือทั้งสองโครงการ"
ทั้งนี้ Morgan Stanley & Co. LLC และ Goldman Sachs & Co. LLC ให้ความช่วยเหลือบริษัทฯ เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อบุคคลในวงจำกัดครั้งนี้
เกี่ยวกับ Venture Global LNG
Venture Global LNG มุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตก๊าซแอลเอ็นจีต้นทุนต่ำในระยะยาว จากแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา กลยุทธ์ของ Venture Global LNG ได้รับการสนับสนุนจากผลิตภัณฑ์ต่างๆของ BHGE ที่มีประสิทธิภาพสูงและเชื่อถือได้ ปัจจุบัน บริษัทกำลังพัฒนาสถานีส่งออกก๊าซแอลเอ็นจีในช่องแคบคัลคาโซและเขตพลาคไมน์ รัฐลุยเซียนา ซึ่งมีศักยภาพในการรองรับแอลเอ็นจีรวม 30 ล้านตันต่อปี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.venturegloballng.com