นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน(กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังรับนโยบาย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกพร.นั้น ได้มอบหมายให้สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งดำเนินงาน โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน ในด้านการยกระดับทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ตามนโยบายขับเคลื่อนสู่ไทยแลน 4.0 ซึ่งปี 61 กพร.มีเป้าหมายดำเนินการ 9,200 คน ได้ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม และจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ใน 3 จังหวัดรวมแล้ว 21 แห่ง เป็นภาครัฐ 4 แห่ง ภาคเอกชน 17 แห่ง อาทิ จังหวัดฉะเชิงเทรา มี บริษัท โตโยต้า (ประเทศไทย จำกัด) เป็นทั้งศูนย์ฝึกอบรมและศูนย์ทดสอบฯ จังหวัดระยอง มีความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายจัดตั้ง "ศูนย์ความร่วมมือ ฝึกอบรมทักษะอุตสาหกรรมเหมราช" สำหรับฝึกอบรมในกลุ่มอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) และนิคมอุตสาหกรรมเหมราช(ระยอง) สำหรับจังหวัดชลบุรีนั้น มีการจัดตั้ง "ศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพด้านยานยนต์ หรือ TVET Automotive Hub" ที่ สถาบันพัฒนาบุคลากรเทคโนโลยีอัตโนมัติและหุ่นยนต์ชลบุรี (MARA ชลบุรี) โดยศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้จะเน้นยกระดับทักษะแรงงานให้เป็น"ช่างเทคนิค 4.0" ด้วยการส่งเสริมโดยใช้ STEM เป็นฐานการพัฒนากำลังแรงงาน ทั้งที่กำลังอยู่ในภาคการศึกษา และที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมด้วย
นอกจากนี้ กพร.ได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังแรงงานระบบขนส่งทางราง ในระยะ 5 ปี พ.ศ.2561-2565 เพื่อรองรับการส่งเสริมการขยายการลงทุนในเขต EEC ด้วย ตั้งเป้าหมายใน 5 ปี ผลิตบุคลากรระดับวิศวกร ช่างเทคนิค และการปฏิบัติการและบำรุงรักษา จำนวน 4,800 คน พัฒนาความรู้และทักษะเฉพาะทางสำหรับบุคลากรที่ย้ายเข้ามาสู่การทำงานในระบบขนส่งทางราง จำนวน 6,600 คน รวม 11,400 คน ซึ่งเตรียมเสนอคณะ กพร.ปช. เพื่อขอความเห็นชอบและเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ และให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ด้านการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ 10 จังหวัดนั้น มีเป้าหมาย 9,900 คน
นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่า นโยบายเร่งด่วนอีกส่วนที่เกี่ยวข้องกับกพร.คือ การเพิ่มขีดความสามารถของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ เน้นย้ำว่าแรงงานกลุ่มนี้ต้องมีทักษะฝีมือ ทักษะด้านภาษา รวมถึงต้องได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านวัฒนธรรม ขนมธรรมเนียมประเพณีของประเทศนั้นๆ ด้วย และที่สำคัญเมื่อระดับฝีมือมีมาตรฐานต้องได้รับค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม และสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 18 อุดรธานี เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ดำเนินการฝึกอบรมสาขา ผู้ประกอบอาหารไทย อย่างต่อเนื่องเพราะคนในจังหวัดอุดรธานีสนใจไปทำงานในต่างประเทศและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะการไปเป็นพ่อครัว-แม่ครัว เพราะมีรายได้สูงถึง 60,000 – 80,000 บาท ผู้จบฝึกร้อยละ 80 ไปทำงานต่างประเทศ อาทิ นิวซีเลนด์ ญี่ปุ่น สแกนดิเนเวีย อีกร้อยละ 20 มีแผนที่จะเดินทางแต่ต้องหาประสบการอย่างน้อย 5 ปี จึงจะสามารถไปทำงานต่างประเทศได้ นอกจากนี้ยังฝึกทักษะด้านภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น หลังจากอบรมแล้วจะทดสอบมาตรฐานฝีมือก่อนไปทำงานต่างประเทศ เพื่อเป็นการการันตีฝีมือ สำหรับผู้ประกอบอาหารไทยที่ญี่ปุ่น ที่ผ่านมา กพร.ไปทดสอบมาตรฐานฯ ในต่างประเทศให้ด้วย ด้านอัตราค่าจ้างในไทยนั้น ปัจจุบันมี 67 สาขาที่มีประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ต่ำสุดจะได้รับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือไม่น้อยกว่า 320 บาทต่อวันในสาขาช่างบุครุภัณฑ์ ระดับ 1 และสูงสุดไม่น้อยกว่าวันละ 815 บาท ในสาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม สปาตะวันตก ระดับ 2 ซึ่งสูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
ในการขับเคลื่อนนโยบาย Safety Thailand นั้น กพร.เร่งดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 ซึ่งกำหนดให้อาชีพช่างไฟฟ้าเป็นอาชีพแรกที่ถูกกำหนดให้เป็นอาชีพที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ ต้องดำเนินการโดยผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ (License) ปัจจุบัน มีผู้ผ่านการประเมินความรู้ความสามารถแล้วกว่า 80,000 คน (ณ วันที่ 2 ธ.ค.60)
การพัฒนากำลังแรงงานของประเทศนั้น กพร.ไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพังได้ หากแต่ต้องดำเนินการแบบประชารัฐ ร่วมกับทุกภาคส่วนในการพัฒนากำลังแรงงานของประเทศ ทั้งคนทำงานตั้งแต่ 1.0 – 4.0 ให้สามารถขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน สู่เป้าหมายตามนโยบายของรัฐ และการร่วมมือกันจะเป็นรากฐานของความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน อธิบดี กพร.กล่าว