ดิ อีโคโนมิสต์ เผยผลสำรวจนิวซีแลนด์แชมป์สุดยอดการศึกษาชั้นนำของโลก

พุธ ๑๓ ธันวาคม ๒๐๑๗ ๑๗:๓๔
ดิ อีโคโนมิสต์ เผยผลสำรวจนิวซีแลนด์แชมป์สุดยอดการศึกษาชั้นนำของโลก แซงหน้าแคนาดา-ฟินแลนด์ที่อยู่อันดับ 2 และ 3 ส่วนอังกฤษรั้งอันดับ 6

นิวซีแลนด์ได้รับการยอมรับว่า เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเตรียมความพร้อมและวางพื้นฐานให้เด็กนักเรียนก้าวทันการเปลี่ยนแปลงพร้อมสู่การใช้ชีวิตในยุคดิจิตอลและเศรษฐกิจโลกในอนาคต โดยจากผลสำรวจล่าสุดของดิอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิตหรือ "อีไอยู" (The Economist Intelligence Unit : EIU) ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจ ของนิตยสารวิเคราะห์ข่าวชื่อดังระดับโลก "ดิ อีโคโนมิสต์" (THE ECONOMIST) เผยผลรางวัล Yidan รางวัลระดับสากลสำหรับประเทศที่มีนวัตกรรมด้านการวิจัยด้านการศึกษาและการพัฒนาด้านการศึกษาล่าสุด ระบุว่า ประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีนวัตกรรมด้านการวิจัยด้านการศึกษาและการพัฒนาการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก โดยประเมินจากระบบการศึกษาใน 35 ประเทศทั่วโลก จาก 16 ตัวชี้วัด ที่ครอบคลุมด้านนโยบายด้านการศึกษา ระบบการเรียนการสอน สิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยนิวซีแลนด์ได้คะแนนสูงสุด 88.9 ส่วนอันดับ 2 คือแคนาดา (86.7) อันดับ 3 ฟินแลนด์ (85.5) รองลงมาคือ สวิสเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ขณะที่สหราชอาณาจักรอยู่อันดับ 6 ญี่ปุ่นอันดับ 7 ออสเตรเลียอันดับ 8 และสหรัฐฯรั้งอันดับ 12

นิวซีแลนด์ได้รับคะแนนสูงสุดในการเป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนการสอนมากที่สุด จากเหตุผล 2 ประการคือ สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับทักษะในอนาคต ด้านความจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์ในวงกว้าง แม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กและห่างไกล แต่ก็สามารถแข่งขันได้ทั่วโลก ประการที่สอง คือรัฐบาลมีแนวทางจัดการระบบการศึกษา โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งการจัดอันดับของ Yidan นี้พิจารณาจาก 16 ตัวชี้วัดด้านนโยบายทางการศึกษา สิ่งแวดล้อม สภาพทางเศรษฐกิจ และสังคม ครอบคลุมการศึกษาในช่วงอายุ 15 ถึง 24 ปี ทั้งในเรื่องการศึกษาของครู ค่าเทอม การแนะแนวด้านอาชีพในโรงเรียน ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่างๆ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมด้วย นอกจากนี้ยังมีทิศทางการตัดสินใจของนักเรียน รวมถึงทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การแก้ปัญหา ความสามารถด้านการใช้ความคิด ผสานกับเทคโนโลยีดิจิตอลด้วย

นายจอห์น แลกซัน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ กล่าวให้ความเห็นว่า ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจ ของนิตยสาร "ดิ อีโคโนมิสต์" ระบุว่า การเตรียมความพร้อมและวางพื้นฐานให้เด็กนักเรียน พร้อมสู่การใช้ชีวิตและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิตอลและเศรษฐกิจโลกในอนาคต ถือเป็นดัชนีอนาคตของระบบการศึกษาทั่วโลกที่ต้องหาวิธีที่จะผลิตบัณฑิตให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลนั้นได้นำมาซึ่งความท้าทายที่เยาวชนจะต้องช่วงชิงโอกาสเพื่อประสบความสำเร็จในอนาคต ซึ่งความรู้ในวิชาเดิมๆนั้นไม่เพียงพอแล้วสำหรับนักเรียนในยุคปัจจุบัน จำเป็นต้องมีทักษะในการแก้ไขปัญหา การแสดงความคิดที่หลากหลายและสอดคล้องกับโลกความเป็นจริงมากขึ้น ดังนั้น ระบบการศึกษาทั่วโลกจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน เพื่อตอบสนองและคาดการณ์ความต้องการด้านทักษะในอนาคต และเตรียมพร้อมนักเรียนให้มีอาชีพที่หลากหลายในศตวรรษที่ 21

"แล้วเราจะเตรียมตัวอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จในอาชีพ? ถือเป็นคำถามที่ท้าทายของระบบการศึกษานิวซีแลนด์มาหลายชั่วอายุคน และจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีนี้ ทำให้เราต้องเตรียมความพร้อม "จากห้องเรียน ไปสู่ห้องประชุมคณะกรรมการให้ได้" ด้วยการพัฒนาทักษะในการแก้ปัญหาให้กับนักเรียน ทั้งในด้านการแสดงความคิดที่หลากหลาย และการคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ ของสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ให้สอดคล้องกับต้องการที่เปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก โดยมีการวางเป้าหมายสำหรับโครงสร้างหลักสูตรเพื่อทักษะในอนาคต การร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับอุตสาหกรรม มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความยืดหยุ่นของมาตรการต่างๆ รวมถึงการมุ่งเน้นฝึกทักษะด้านความคิดที่จะช่วยให้นักเรียนนักศึกษามีความสามารถและทักษะที่พร้อมสำหรับตลาดอุตสาหกรรมในอนาคต ภายใต้แนวคิด "Think new: New Zealand" ซึ่งเป็นรากฐานที่การศึกษานิวซีแลนด์ได้สร้างระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมายาวนาน ทำให้นิวซีแลนด์ถูกจัดให้เป็นระบบการศึกษาที่ดีที่สุดและเป็นเหตุผลที่ 130,000 นักเรียนต่างชาติจากกว่า 180 ประเทศ เลือกเดินทางมาศึกษาในนิวซีแลนด์ทุกปี" นายจอห์น แลกซัน กล่าว

ด้าน นางสาวช่อทิพย์ ประมูลผล ผู้จัดการตลาดประจำประเทศไทย หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ กล่าวว่า ปัจจุบันนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายในอันดับต้นๆทางการศึกษาที่นักเรียนไทยจำนวนมากเลือกเดินทางไปศึกษาต่อมากกว่าเดิม จากที่เคยไปศึกษาต่อที่สหรัฐอมเริกา และสหราชอาณาจักร โดยปัจจุบันมีนักเรียนไทยมากกว่า 3,000 คนได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นิวซีแลนด์เพื่อเสริมสร้างโอกาสการทำงานในระดับสากลผ่านระบบการศึกษามาตรฐานระดับโลก และเพิ่มพูนประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมทั้งพัฒนาทักษะทางธุรกิจในช่วงที่อาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์ โดยคนไทยที่เดินทางไปศึกษานิวซีแลนด์มีตั้งแต่ในระดับโรงเรียนไปจนถึงระดับปริญญาเอก ซึ่งที่นิวซีแลนด์นอกจากนักเรียนไทยจะได้พัฒนาทักษะด้านการศึกษาที่สำคัญแล้วระบบการศึกษานิวซีแลนด์ ยังสนับสนุนให้นักเรียนมีการพัฒนาเป็นบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ สามารถคิดนอกกรอบ มีความคิดวิเคราะห์ กล้าคิด กล้าแสดงออกและประยุกต์ใช้ความรู้ต่างๆ ไปสู่การปฏิบัติจริง และทักษะในการดำเนินชีวิตและการทำงานจริง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๐ แคสเปอร์สกี้เผย บริษัทมากกว่าครึ่งในเอเชียแปซิฟิกใช้ AI และ IoT ในกระบวนการทางธุรกิจ
๑๗:๑๔ พร้อมจัดงาน สถาปนิก'67 ภายใต้ธีม Collective Language : สัมผัส สถาปัตย์
๑๗:๓๓ โรงแรมชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ จัดโปรโมชั่นฉลองเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๓๘ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยชาวสระแก้ว มอบศาลาที่พักผู้โดยสาร เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และเพื่อเป็นที่หลบแดดหลบฝน ณ
๑๗:๔๙ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดพิธีประสาทปริญญาบัตร พร้อมมอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 3 ท่าน
๑๗:๑๘ แน็ก ชาลี - มุก วรนิษฐ์ ชวนเปิดประสบการณ์ความเฟรช ในงาน Space of Freshtival 30 มีนาคมนี้ ที่ สยามสแควร์วัน
๑๗:๑๐ อิมแพ็ค จัดงาน Happy Hours: Wine Tasting Craft Beer ต้อนรับลูกค้าช่วงมอเตอร์โชว์
๑๗:๓๒ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานแพร่ มอบเครื่องมือพื้นฐานชุดการฝึก (ชุดเครื่องมือทำมาหากิน) รุ่นที่ 4/2567
๑๗:๕๒ ดีพร้อม ดึงผู้ประกอบการเงินทุนฯ ทั่วประเทศ เปิดพื้นที่ทดสอบตลาด จัดงาน พร้อมเปย์ ที่ DIPROM FAIR
๑๗:๔๕ เขตราชเทวีจัดเทศกิจกวดขันผลักดันผู้ค้าตั้งวางแผงค้ารุกล้ำบนทางเท้าถนนราชปรารภ