ไทย-อินโด-มาเลย์ พร้อมเริ่มควบคุมส่งออกยาง เห็นชอบให้เดินหน้ามาตรการ AETS ร่วมกำหนดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ รวมไม่เกิน 350,000 ตัน ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มี.ค. 61 มุ่งสร้างเสถียรภาพด้านราคาให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ศุกร์ ๒๒ ธันวาคม ๒๐๑๗ ๑๕:๑๕
นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังมีการประชุมสภาไตรภาคียางพารา (ITRC) นัดพิเศษระหว่าง 3 ประเทศสมาชิก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เดินหน้ามาตรการ AETS ร่วมกำหนดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ รวมไม่เกิน 350,000 ตัน ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มีนาคม 2561 พร้อมสร้างเสถียรภาพด้านราคาให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศสมาชิกผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก ทั้งไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในครั้งนี้ เป็นอีกมาตรการในการแก้ปัญหาสถานการณ์ราคายางที่ผิดปกติและมีความผันผวน โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลก จะนำข้อตกลงดังกล่าวมาดำเนินการอย่างเคร่งครัด ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพาราของประเทศไทย ซึ่งมีทั้งพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542 โดยกรมวิชาการเกษตรซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ดูแลและควบคุมปริมาณการส่งออกยางของประเทศไทยออกนอกราชอาณาจักร และระเบียบตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดปริมาณจัดสรรเนื้อยางแห้งสำหรับการส่งออก (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2556 มาใช้ในช่วงระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่บัดนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ ได้มอบให้การยางแห่งประเทศไทย ประสานงานกับผู้ประกอบกิจการยาง เพื่อให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติร่วมกันตามมาตรการ AETS พร้อมทั้ง ให้เร่งดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานติดตามอย่างใกล้ชิด

"มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมการส่งออกยางครั้งที่ 5 นี้ จะเป็นอีกหนึ่งในมาตรการสำคัญต่าง ๆ ที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาสถานการณ์ราคายางผันผวน เพื่อช่วยยกระดับราคายางในตลาดให้สูงขึ้น ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง" นายลักษณ์ กล่าว

ด้าน ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ในสภาไตรภาคียางพารา กล่าวว่า ในการประชุมสภาไตรภาคียางพารา (ITRC) นัดพิเศษระหว่างประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียวันนี้ รัฐบาล 3 ประเทศภายใต้กรอบความร่วมมือมีมติเห็นชอบในการประกาศมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพารา โดยมีระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2561 ซึ่งได้กำหนดการลดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกัน 3 ประเทศลง 350,000 ตัน ซึ่งที่มาของจำนวนดังกล่าวมาจาก การคาดการณ์ปริมาณยางส่วนเกินโดยสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติระหว่างประเทศ (ANRPC) ของตลาดโลก และคาดว่าจะส่งผลต่อระดับราคายางที่จะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ประเทศผู้ผลิตยางแต่ละรายควรแก้ปัญหาความสมดุลของปริมาณยางในโลกด้วยการต้องเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศของตนเองให้มากขึ้น ไม่ว่าจะนำยางธรรมชาติไปใช้ด้านการคมนาคม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยุทโธปกรณ์ กีฬา สุขภาพ รวมถึงภาคธุรกิจ สินค้าอุปโภคบริโภคและบริการต่างๆ

"ในนาม ITRC มีความมั่นใจว่าการดำเนินการร่วมกันในมาตรการนี้ จะส่งผลให้ราคายางมีเสถียรภาพขึ้น และส่งผลดีต่อเกษตรกรรายย่อย สถาบันเกษตรกร และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานยางพารา ให้ได้รับผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมในระยะยาวต่อไป โดยมาตรการนี้จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดโดย ITRC และคณะกรรมการควบคุมยาง" ดร.ธีธัช กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๓๙ สมาคมธนาคารไทย ออกแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคลและSME
๑๔:๐๒ ผู้ลงทุนเชื่อมั่น โลตัส (Lotus's) จองซื้อหุ้นกู้เต็มจำนวน 9 พันล้านบาท
๑๔:๑๕ สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า รูดช้อปรับคุ้ม! รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%
๑๔:๔๘ MASTER ประชุมผู้ถือหุ้นปี 67 ผ่านฉลุย ไฟเขียวจ่ายปันผล เดินหน้าสร้างโอกาสโตตามกลยุทธ์ MP
๑๔:๔๓ ธนาคารกรุงเทพ จับมือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนาม MOU ส่งเสริมการผลิตบุคลากร-พัฒนาศักยภาพ-ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีดิจิทัล
๑๔:๒๐ ITEL จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. เห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผลอัตรา 0.0696 บ./หุ้น
๑๔:๒๙ ไทยพาณิชย์ ตอกย้ำกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch เปิดตัว โปรจีน อาฒยา นักกอล์ฟหญิงระดับโลก เป็น Brand
๑๔:๓๐ KCG จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 พร้อมอนุมัติจ่ายปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น
๑๔:๔๙ บาฟส์ ประกาศความสำเร็จ ลุยขยายโครงข่ายขนส่งน้ำมันทางท่อ เชื่อมต่อเครือข่ายพลังงานทั่วไทย
๑๔:๓๙ บีโอไอจับมือพันธมิตร จัดงาน SUBCON Thailand 2024