ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.7 ระบุยังไม่มีพรรคการเมืองที่ชอบเพราะ ยังไม่มีอะไรดีให้เห็น ไม่มีอะไรใหม่จากพรรคการเมือง ความขัดแย้งวุ่นวายเหมือนเดิม คนเดิมๆ ภาพเดิมๆ พฤติกรรมยังไม่เปลี่ยน และรอจะตัดสินใจใกล้วันเลือกตั้ง ในขณะที่ ร้อยละ 7.1 ชอบพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 4.9 ชอบพรรคประชาธิปัตย์และร้อยละ 1.3 ชอบพรรคอื่นๆ
เมื่อจำแนกออกตามเพศ พบว่า ชายร้อยละ 10.4 ชอบพรรคเพื่อไทยซึ่งมากกว่าหญิงที่มีอยู่ร้อยละ 5.2 ในขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์มีผู้ชายชอบอยู่ร้อยละ 5.6 และ หญิงร้อยละ 4.5 มีเพียงร้อยละ 1.6 ของชายและร้อยละ 1.0 ของหญิงที่ชอบพรรคอื่นๆ ที่น่าสังเกตคือ ส่วนใหญ่ของหญิงหรือร้อยละ 89.3 ซึ่งมากกว่าชายร้อยละ 82.4 ที่ยังไม่มีพรรคการเมืองที่ชอบ
และเมื่อจำแนกตามระดับรายได้ พบว่า ประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือไม่เกิน 9,000 บาทต่อเดือนร้อยละ 13.4 รายได้ปานกลางร้อยละ 6.9 และรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ชอบพรรคเพื่อไทย จะเห็นว่าในกลุ่มผู้ชอบพรรคเพื่อไทยจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากที่สุด ในขณะที่ กลุ่มที่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ส่วนมากเป็นผู้มีรายได้ปานกลาง ระหว่าง 9,001 – 50,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 6.3 ผู้มีรายได้น้อยร้อยละ 4.5 และ ผู้มีรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือนมีอยู่ร้อยละ 4.1 ที่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.5 ของผู้มีรายได้มากกว่า 50,000 บาท ต่อเดือน ร้อยละ 85.5 ของผู้มีรายได้ปานกลาง และ ร้อยละ 81.0 ของผู้มีรายได้น้อยคือไม่เกิน 9,000 บาทต่อเดือนระบุยังไม่มีพรรคที่ชอบ
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามว่า ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่ตั้งใจจะเลือกคือพรรคใด พบว่า ร้อยละ 13.2 ระบุพรรคเพื่อไทย รองลงมาคือร้อยละ 7.8 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 1.3 ระบุพรรคอื่นๆ ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.7 ระบุยังไม่เลือกพรรคการเมืองใดเลย
นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.9 กังวลต่อความขัดแย้งของคนในชาติ ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งในขณะที่ร้อยละ 38.1 ไม่กังวล และร้อยละ 3.0 ไม่มีความเห็น