นายสไกร พิมพ์บึง รองเลขาธิการ รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวว่า เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรที่มารายงานตัวในรอบแรกไม่ทันได้มีโอกาสได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้สินจึงขยายระยะเวลาการสำรวจข้อมูลหนี้สิน รวมถึงกรณีหนี้เร่งด่วนทั้งหมดในชั้นดำเนินคดีขึ้นไป (หนี้ล้มละลาย/ขายทอดตลาด/บังคับคดี/มีคำพิพากษาหรือชั้นฟ้องคดี) ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้ไว้กับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ส่วนที่เหลือที่ยังไม่มารายงานตัวตน ได้มีโอกาสใช้สิทธิในการยืนยันหนี้สิน และได้รับสิทธิ์ในการจัดการหนี้ของตนเอง ซึ่งได้มีข้อมูลหนี้สินที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดการหนี้ของเกษตรกร ภายใต้การจัดการหนี้ของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯจึงได้ดำเนินการเดินหน้าต่อในการสำรวจข้อมูลสมาชิกเพื่อเร่งจัดการหนี้ให้ทันต่อความเดือดร้อนในขณะนี้
จากการที่ได้ดำเนินการไปแล้วทั้ง 2 รอบ พบว่ามีเกษตรกรมายืนยันตัวตนในรอบที่ 1 จำนวน 290,657 ราย จำนวนสัญญา 524,720 สัญญาและรอบที่ 2 มีเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายมารายงานตัว คิดเป็นร้อยละ 17มีจำนวน 40,179 ราย 74,331 สัญญาเมื่อรวมเกษตรกรที่มายืนยันตนรอบ 1 และรอบ 2 เป็นจำนวน330,836 ราย 599,051 สัญญา ซึ่งยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในการจัดการหนี้สินให้สมาชิกจึงได้มีการขยายระยะเวลาเพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรมารายงานตัวได้อีกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561โดยในส่วนของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้เตรียมการให้สำนักงานสาขาจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้กำหนดไว้
ในการนี้ขอประชาสัมพันธ์การมายืนยันตัวตนของสมาชิกที่ขึ้นทะเบียนหนี้ไว้กับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เกษตรกรที่ยังไม่มารายงานตัวตน สามารถติดต่อขอตรวจสอบรายชื่อได้ที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดที่ท่านได้ขึ้นทะเบียนไว้ หรือ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02 – 1580342 กด 6203 ในเวลาราชการ