งบกลาง ปี 61 เกษตรฯ รับ 24,993 ล้านบาท เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันรายได้เกษตรกร

อังคาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๐๑๘ ๑๖:๓๙
พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 61 กระทรวงเกษตรฯ ได้รับจัดสรร 24,993 ล้านบาท ขับเคลื่อนไทยนิยม ยั่งยืน ระบุ งบประมาณอัดฉีด ช่วยเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 35,304 ล้านบาท/ปี กระตุ้นระบบเศรษฐกิจ 63,599 ล้านบาท

นายกฤษฎา บุญราชรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เห็นชอบพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2561 เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวนทั้งสิ้น 24,993 ล้านบาท (เป็นงบลงทุน 16,152 ล้านบาท และงบดำเนินงาน 8,841 ล้านบาท) มีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 4.3 ล้านราย และสามารถสร้างอาชีพใหม่ เช่น อาชีพประมง ปศุสัตว์ การปลูกพืช (ผลิตเมล็ดพันธุ์) แปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ศิลปะชีพ หัตถกรรม และการซ่อมเครื่องจักรกลการเกษตรประกอบด้วย 2 แผนงานคือ

1) แผนงานยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้าภาพ วงเงินรวมประมาณ 24,300 ล้านบาทแบ่งเป็น

- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 23,796 ล้านบาท (17 โครงการ ดำเนินการโดย 14 หน่วยงาน)แบ่งออกเป็นกลุ่มโครงการ 5 กลุ่ม

(1) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำระดับชุมชน วงเงิน 10,090 ล้านบาท โดยสร้างฝายชะลอน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซ่อมแซมระบบชลประทาน สามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ 18,020 ไร่ พื้นที่รับประโยชน์เพิ่มขึ้น 2.14 ล้านไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์จากแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น8 แสนราย

(2) การปรับเปลี่ยนการผลิตเพื่อลดความเสี่ยง วงเงิน 1,583 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเกษตรกรทำกิจกรรมเกษตรอื่นทดแทนการทำสวนยาง จำนวน 150,000 ไร่ รายละไม่เกิน 10 ไร่ จำนวน 30,000 ราย รวมทั้งฝึกอบรมเพื่อให้ความรู้ในการประกอบอาชีพใหม่

(3) พัฒนาการผลิตพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และพัฒนาเครือข่ายผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ วงเงิน 713 ล้านบาท โดยปรับปรุงศูนย์ขยายพันธุ์พืชเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตท่อนพันธุ์และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 10 ศูนย์ การผลิตและการกระจายพันธุ์สัตว์ปีก 25,160 ตัว รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อจำหน่าย 26 กลุ่ม

(4) แก้ไขปัญหาความยากจนลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร วงเงิน 5,997 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอาชีพด้วยการฝึกอบรมตามความต้องการของเกษตรกร 1.9 ล้านราย และอุดหนุนเงินทุนให้แก่ชุมชน จำนวน 9,101 ชุมชนๆ ละ 3 แสนบาท

(5) บริหารจัดการสินค้าเกษตรและสร้างมูลค่าเพิ่ม วงเงิน 5,904 ล้านบาท เพื่อพัฒนาสถาบันเกษตรกรในการจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร (แก้มลิง) 146 แห่ง สนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรแก่สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร 101 แห่ง เพิ่มศักยภาพการรวบรวมและการแปรรูปยางพาราในสถาบันเกษตรกร 62 แห่ง รวมทั้งส่งเสริมการใช้ยางในด้านชลประทาน โดยนำยางพารามาซ่อมแซมและปรับปรุงคันคลองชลประทาน 317 โครงการ

- กระทรวงอุตสาหกรรมวงเงิน498 ล้านบาท (2 โครงการ) ดำเนินการส่งเสริมแลพัฒนาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และ SMEs

- กระทรวงพาณิชย์วงเงิน 6 ล้านบาท (1 โครงการ)โดยพณ.ร่วมบูรณาการในการจัดทำตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่งเสริมการตลาดสมัยใหม่และตลาดรองรับสินค้าเกษตร

2)แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตมีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพโดยเป็นงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 693 ล้านบาท(2 โครงการ ดำเนินการโดย 10 หน่วยงาน)คือ อบรมเพิ่มทักษะอาชีพแก่เกษตรกรผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 110 หลักสูตร และจ้างงานชลประทานเพื่อสร้างรายได้ในการปรับปรุงโครงการชลประทานและงานกำจัดวัชพืช มีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 216,325 ราย

ในการนี้ สศก. ได้วิเคราะห์ผลกระทบของโครงการไทยนิยม ยั่งยืนต่อเศรษฐกิจภาพรวมและประโยชน์ที่เกิดขึ้นเกษตรกร พบว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจภาพรวมงบประมาณที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับทั้งสิ้น 24,993 ล้านบาท จะก่อให้เกิดการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 63,599 ล้านบาท (2.54 เท่าของงบประมาณ) โดยแบ่งออกเป็นด้านการผลิต 47,563 ล้านบาท จากค่าจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ในโครงการลงทุนก่อสร้างส่งผลให้เกิดการผลิตสินค้าวัสดุที่เกี่ยวเนื่องในระบบห่วงโซ่การผลิต และด้านรายได้ 16,035 ล้านบาท จากค่าจ้างแรงงานในโครงการต่างๆ ซึ่งเป็นรายได้แรงงานที่จะถูกนำไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคของครัวเรือนและกระจายไปเป็นรายได้ของร้านค้ารวมถึงธุรกิจในชุมชนที่ต่อเนื่อง

ผลกระทบต่อเกษตรกรวัดจากผลได้ที่เกษตรกรได้รับจากกิจกรรมโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เช่น รายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตที่ลดลงและโครงสร้างพื้นฐานที่ก่อสร้างเพิ่มขึ้นหรือพัฒนาให้ดีขึ้น โดยผลวิเคราะห์ พบว่า เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 35,304 ล้านบาท/ปี โดยเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมการพัฒนาแหล่งน้ำชลประทานในการเพิ่มพื้นที่ชลประทาน2.12 ล้านไร่ คิดเป็น 10,288 ล้านบาท กิจกรรมเพิ่มศักยภาพการผลิตและการพัฒนาทักษะอาชีพ 23,897ล้านบาท กิจกรรมการลดต้นทุนการผลิตด้วยการสนับสนุนเมล็ดพืชและสัตว์พันธุ์ดี 874 ล้านบาท และกิจกรรมเสริมศักยภาพธุรกิจสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 245 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้น จากกิจกรรมการสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ 1,341 แห่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดความยั่งยืนในการทำการเกษตรในอนาคตทั้งในพื้นที่นอกเขตชลประทานและพื้นที่ ส.ป.ก.

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. DEK ดิจิทัลมีเดีย SPU บุก Thailand Toy Expo 2024 โชว์ผลงานสุดคูล!
๑๘ เม.ย. Zoho ยกระดับแอปพลิเคชันทางธุรกิจ ด้วยการทำงานร่วมกันของ Generative AI และ Low-Code
๑๘ เม.ย. Dent Talk : Fresh Up Your Knowledge ไม่รู้.ไม่ได้แล้ววว สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้า
๑๘ เม.ย. โรงแรมเชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา ต้อนรับนักหมากรุกรวม 300 คน กว่า 50 ประเทศ ในการแข่งขัน Bangkok Chess Club Open ครั้งที่ 21 ประจำปี
๑๘ เม.ย. 'Water War Chiang Mai 2024' เทศกาลดนตรีใหญ่ที่สุด เปียกสุด! เดือดสุด! จัดเต็มอย่างยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองเชียงใหม่
๑๘ เม.ย. TB Media Global จับมือ MQDC จัดกิจกรรมสงกรานต์ The Vibrant Forestias :Sook-San Songkran บนผืนป่าของ The
๑๘ เม.ย. SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต รับรางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยมประจำปี 2023
๑๘ เม.ย. โรงพยาบาลหัวเฉียว จัดโครงการธรรมโอสถ บรรยายธรรมะเรื่อง สุขในงานเบิกบานในชีวิต
๑๘ เม.ย. หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ต่อยอดความสำเร็จธนาคารน้ำใต้ดิน สร้างความมั่นคงทรัพยากรน้ำ
๑๘ เม.ย. คณะดิจิทัลมีเดีย SPU ขอเชิญร่วมกิจกรรมเสวนา หัวข้อ AI Trends Unlock Limitless Creative Potential in Digital