นักศึกษาธรรมศาสตร์ เปิด 2 โมเดลอาคารชุดพักอาศัยโฉมใหม่ “แฟลตต่อเติมได้” และ “แฟลตเกษตรยั่งยืน” รับสังคมไทยในอนาคต

พฤหัส ๒๘ มิถุนายน ๒๐๑๘ ๑๓:๔๗
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีความแออัดเป็นอย่างมาก จากจำนวนประชากรที่มีตัวเลขสูงราว 5.7 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะที่เนื้อที่ของ กทม. มีพื้นที่เพียง 1,569 ตร.กม. เท่านั้น ส่งผลให้ใน กทม. มีอัตราความหนาแน่นของประชากรสูงราว 3,700 คน ต่อตร.กม. จากความหนาแน่นดังกล่าวส่งผลให้ประชากรโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ต้องประสบปัญหาเชิงพื้นที่ในที่พักอาศัย จากลักษณะที่พักอาศัยแนวตั้ง (Vertical Social Housing) ที่มีพื้นที่เฉลี่ยของที่พักอาศัย อาทิ อาคารชุด แฟลตและบ้านเอื้ออาทร คือราว 33 ตร.ม. ต่อห้อง อีกทั้งยังไม่สามารถต่อเติมได้ จึงอาจไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบครอบครัวขยายของชาวไทย

"แฟลตต่อเติมได้" ต่อเติมเพิ่มพื้นที่ รองรับวิถีชีวิตชาวไทย

นายภูเมศวร์ มะลิทองพงษ์กุล นักศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มธ. กล่าวว่า จากปัญหาความแออัดในที่พักอาศัยของผู้มีรายได้น้อย จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกับสมาชิกในกลุ่มอีก 2 คน นำข้อมูลจากงานวิจัยของอาจารย์ที่ปรึกษาและการศึกษาในชั้นเรียน มาออกแบบ "แฟลตต่อเติมได้" ที่พักอาศัยผู้มีรายได้น้อยแบบปรับเปลี่ยนต่อเดิมได้ (Transformable Social Housing) งานออกแบบเคหะชุมชน (Social Housing) ที่มีความสามารถในการต่อเติมได้ เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนสมาชิกในครอบครัวในอนาคต โดยมีลักษณะเด่น 3 ส่วน ได้แก่

1) แกนบ้าน (Core House) เพื่อความสามารถในการต่อเติมตัวบ้านได้ทุกทิศโดยรอบ ทั้งด้านข้าง ด้านบนและด้านล่าง แต่ยังคงมีช่องแสงสำหรับรับแสงธรรมชาติและช่องว่างเพื่อการถ่ายเทอากาศ โดยส่วนที่ต่อเติมนั้นจะเป็นการนำโครงสร้างรูปแบบลูกบาศก์สำเร็จรูป นำมาต่อเติมจากแกนบ้านได้ทันที คล้ายกับตัวต่อเลโก้ (Lego) ซึ่งสามารถต่อเติมได้จำนวนมากน้อยตามความเหมาะสมของจำนวนผู้อยู่อาศัย

2) ชานบ้าน ลักษณะคล้ายคลึงกับเรือนไทย เพื่อใช้เป็นทางเชื่อมส่วนต่าง ๆ ของบ้าน อาทิ ห้องนอน ห้องครัวและสวน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่สามารถรองรับกิจกรรมเอนกประสงค์ของสมาชิกในครอบครัว

3) วัสดุที่ใช้ก่อสร้างจะมีคุณสมบัติน้ำหนักเบา ง่ายต่อการต่อเติม มีความแข็งแรงคงทน และยังคงมีราคาที่ไม่สูงนัก อาทิ การนำเหล็กขึ้นรูปลอน มาใช้เป็นวัสดุทำหลังคา พื้น และผนัง

นายภูเมศวร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้นแบบการออกแบบโครงสร้างอาคารชิ้นนี้มีความตั้งใจให้องค์กรจากภาครัฐที่มีหน้าที่ดูแลและพัฒนาที่อยู่อาศัยของประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย อาทิ การเคหะแห่งชาติและสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) รวมทั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากภาคเอกชน ได้นำแนวคิดดังกล่าวไปใช้พัฒนาที่พักอาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในอนาคต เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านที่พักอาศัยของผู้มีรายได้น้อย และมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวไทย อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย

"แฟลตเกษตรยั่งยืน" ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง เลี้ยงชีพยั่งยืน

ด้าน นายกานต์ภูชิต วิศิษฎ์วงศ์ นักศึกษาระดับปริญญาโท คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มธ. กล่าวว่า อีกหนึ่งปัญหาในเขตเมืองมักพบเจอคือ ปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหาร จากพื้นที่ทำเกษตรในเมืองที่ลดน้อยลง ทำให้แหล่งผลิตอาหารอยู่ไกลออกไปจากเมือง และราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นที่มาของแนวทางการออกแบบ "แฟลตเกษตรยั่งยืน" อาคารชุดที่พักอาศัยที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อยุติความหิวโหยและยกระดับโภชนาการของผู้มีรายได้น้อย ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ด้านอาหารขององค์การสหประชาชาติ อีกทั้งยังส่งเสริมการเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือมีการพัฒนาด้านอาหารและการเกษตรอย่างยั่งยืน จากการศึกษาเรื่อง แนวทางการออกแบบโครงการอาคารชุดพักอาศัยเพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารสำหรับคนเมือง รวมถึงผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงผู้มีรายได้น้อย พบว่าการออกแบบห้องชุดพักอาศัยควรประกอบไปด้วย ฟังก์ชั่น 4 ข้อ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนทางอาหาร ได้แก่

1.เพิ่มพื้นที่ผลิตอาหารด้วยการใช้ดิน โดยใช้พื้นที่แนวราบบริเวณชั้นล่างรอบอาคารที่พักอาศัย หรือการใช้พื้นที่ว่างโดยรอบอาคารที่มีขนาดไม่เพียงพอต่อการประกอบกิจกรรมอื่น นำมาใช้ในการเพาะปลูกพืชโดยใช้ดิน เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการผลิตอาหาร

2.เพิ่มพื้นที่ผลิตอาหารบนส่วนหลังคาอาคารที่พักอาศัย เนื่องจากส่วนหลังคาหรือชั้นดาดฟ้านั้น มักถูกปล่อยเป็นพื้นที่ว่าง จึงสามารถนำมาใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูก เพื่อเพิ่มการผลิตอาหารได้ นอกจากนี้พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ ที่ได้รับแสงแดดและมีอากาศถ่ายเทเหมาะแก่การเพาะปลูกอีกด้วย

3.เพิ่มพื้นที่ผลิตอาหารด้วยการใช้ดินบริเวณระเบียงของที่พักอาศัย โดยมากแล้วทุกยูนิตในอาคารชุดที่พักอาศัย ล้วนมีระเบียงประจำห้องทั้งสิ้น หากนำพื้นที่ระเบียงของทุกยูนิตมาพัฒนาให้เป็นพื้นที่เพาะปลูก จะก่อให้เกิดพื้นที่ในการผลิตอาหารจำนวนมาก

4.เพิ่มพื้นที่ผลิตอาหารแนวตั้งเพื่อการปลูกพืชควบคู่กับการเลี้ยงปลา (Aquaponics) ที่ติดตั้งกับผนังของส่วนที่พักอาศัย นอกจากการปลูกพืชแล้วนั้น การเลี้ยงปลายังคงเป็นแนวทางการผลิตอาหารที่เหมาะสมกับที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัด เนื่องจากใช้พื้นที่ไม่มาก และเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับพื้นที่ผนังแทนการปล่อยว่าง

ด้าน รศ.เฉลิมวัฒน์ ตันตสวัสดิ์ คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มธ. กล่าวว่า การออกแบบที่พักอาศัยในปัจจุบันนอกจากนักออกแบบจะต้องพิจารณาความสวยงาม ฟังก์ชั่นในการตอบสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายแล้ว อีกปัจจัยนึงที่นักออกแบบต้องพิจารณาคือ "ความเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจ" อาทิ การขยายตัวของครอบครัวในเขตเมือง การสร้างสมดุลของความเป็นเมืองกับความต้องการทางอาหาร ฯลฯ ดังนั้น นักออกแบบต้องออกแบบที่พักอาศัยให้ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกด้านและสอดคล้องกับวิถีชีวิตในแต่ละบริบทของชุมชน โดยเมื่อเร็วๆนี้ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มธ. ได้จัดงานประชุมวิชาการด้านสภาพแวดล้อมสรรค์สร้าง (Built Environment Research Associates Conference : BERAC) เพื่อนำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและองค์ความรู้ ผ่านการนำเสนองานวิจัยและการเสวนา อันครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมสรรค์สร้าง อาทิ สถาปัตยกรรม การผังเมือง นวัตกรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการออกแบบชุมชนเมือง จากความร่วมมือของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นการส่งเสริมองค์ความรู้ในการต่อยอดทั้งในด้านวิชาการและวิชาชีพในระดับปัจเจกบุคคลและประเทศชาติ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โทรศัพท์ 02-986-9605 ถึง 6 ต่อ 3015, 3034 หรือเว็บไซต์ www.tds.tu.ac.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๘:๒๑ งานวิจัย Kaspersky เผย ผลร้ายจากภัยคุกคามเป็นตัวกระตุ้นรูปแบบพฤติกรรมทางไซเบอร์ของนักการศึกษามากที่สุด
๐๘:๓๓ ซินเน็คฯ จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมกางแผนสร้างการเติบโต สู่เป้ารายได้ 40,000
๐๘:๓๘ BRR ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น แบบ Hybrid ประจำปี 2567 ผถห. เคาะจ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น - ชูสตอรี่ ESG สู่ความยั่งยืน
๐๘:๑๖ DEMI HAIR CARE SCIENCE เปิดตัวผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผมเสียอย่างล้ำลึก ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
๐๘:๓๔ ซีอีโอ BBGI ร่วมงาน OECD Global Forum on Technology ขึ้นเวทีเสวนาระดับโลกในหัวข้อ Sustainable Production ที่กรุงปารีส
๐๘:๒๓ ฟันโอ-ทิวลี่ คว้ารางวัล 2023 Top Influential Brands Award สุดยอดแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากที่สุด
๐๘:๔๗ เฮอริเทจ จัดโปรแรง เอาใจคนรักผลไม้ ลดสูงสุดกว่า 15%
๐๘:๕๘ ต้อนรับฤดูร้อนสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนกับ GAMBERO ROSSO DI MAZARA กุ้งแดงมาซาร่า-ราชินีแห่งท้องทะเลซิซิลี ที่ห้องอาหารอิตาเลียน
๐๘:๔๐ Tinder ส่งฟีเจอร์ใหม่ Share My Date แชร์แผนการออกเดทในแอพฯ แบบเรียลไทม์ให้เพื่อน-ครอบครัว
๐๘:๐๘ เลี้ยงลูกตามใจ ไม่เคยขัดใจ เด็กอาจเสี่ยงเป็นฮ่องเต้ซินโดรม