จากข้อมูลสถิติปริมาณขยะที่เข้าระบบ ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมพบว่า ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทย มีปริมาณขยะอุตสาหกรรมสูงถึง 31 ล้านตัน จากการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ โรงงาน เขตนิคมอุตสาหกรรม การเร่งขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตลอดจนการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกต่างประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือข้อมูลสถิติปริมาณขยะในทะเลล่าสุด ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่าประเทศไทย ติดอันดับ 6 ประเทศที่มีขยะในทะเลมากที่สุดในโลก ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีความรู้ความสามารถในการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ แต่ก็ทำให้สูญเสียงบประมาณในการจัดการขยะเหล่านี้เป็นจำนวนมาก จากสาเหตุดังกล่าว วงการอุตสาหกรรมมากมาย หันมาให้ความสำคัญในการลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้น และเปลี่ยนขยะเหล่านั้น กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ไม่เว้นกระทั่งวงการการออกแบบเอง
อาจารย์ จารุพัชร อาชวะสมิต อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาศิลปะอุตสาหกรรม ภาควิชาการออกแบบสิ่งทอ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า เศรษฐกิจหมุนเวียน กำลังเป็นเทรนด์งานออกแบบที่น่าจับตามอง หลากหลายอุตสาหกรรมได้เริ่มต้นใช้กระบวนการจัดการของเสีย ผ่านการออกแบบวัสดุ หรือ Material Design ที่นำวัตถุดิบซึ่งผ่านกระบวนการผลิต และบริโภค กลับเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่ หรือนำมาใช้ซ้ำ เพื่อช่วยลดปัญหามลภาวะที่เกิดจากขยะ และลดความเสี่ยงของการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต
"ในโลกนี้ไม่มีขยะ! การนำกลับมาใช้ใหม่ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น โดยปกติประเทศไทยเอง เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการเก็บของ และไม่ทิ้งของกันอยู่แล้ว ในอดีตเรามักจะเห็นซาเล้งรับซื้อขยะ และของเก่า เพื่อนำไปขายต่อกับโรงงานอุตสาหกรรมการแปรรูปต่างๆ เป็นประจำ แต่ปัจจุบัน ปัญหาขยะ โดยเฉพาะขยะเหลือทิ้งจากการผลิต (by-product) มีปริมาณเหลือทิ้งมากจนเกินไป อาจารย์ในฐานะนักออกแบบเอง เล็งเห็นถึงประโยชน์ต่อยอด ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาล จึงได้นำแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วย 'ขยะ' เหล่านี้ กลับมาใช้อีกครั้ง"
อ.จารุพัชร กล่าวเพิ่มว่า ในวงการอุตสาหกรรม นอกจากขยะจำพวกโลหะ หรือพลาสติก ที่สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้ด้วยตัวของมันเองแล้ว อีกกลุ่มขยะที่มีจำนวนมหาศาล และแทบจะไม่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ มักมาจากอุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมการเกษตร และอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ตนจึงส่งเสริมและสนับสนุนการออกแบบสิ่งที่ถูกเรียกว่าเป็น "ขยะ" และ "ของเสีย" ด้วยแนวคิดการออกแบบวัสดุ ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อจัดการกับขยะ ให้คืนชีวิตกลับกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ได้ในรูปแบบต่างๆ อาทิ
Horse Hair Collection : เข็มขัดนิรภัยไม่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม สู่วัสดุตกแต่งผนังไฮแฟชั่น
ผลงานการออกแบบของตน จุดเริ่มต้น จากเข็มคัดนิรภัยคุณภาพสูงในรถยนต์ ที่ตกมาตรฐานเพียงแค่ สีของเข็มคัดนิรภัย ไม่ตรงสเปคกับตัวรถ จากกรณีดังกล่าว ทำให้มีเข็มคัดนิรภัยที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน และกลายเป็นขยะอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์จำนวนมาก หลังจากที่ศึกษาคุณสมบัติของเข็มขัดนิรภัยพบว่า ความพิเศษคือมีความแข็งแรง ทนทาน และเมื่อนำมาผ่านกระบวนการทอ สามารถทำให้มีลักษณะเป็นขนฟู งดงามคล้ายขนของม้า ซึ่งตนได้ออกแบบ และพัฒนาร่วมกับการใช้เทคโนโลยีการผลิต ออกมาเป็นของวัสดุตกแต่งผนัง ในรูปแบบเดคอเรทีฟวอลเปเปอร์ (Decorative Wallpaper) ที่ปัจจุบัน ผลิตและ จำหน่ายจริง ในตลาดงานประดับตกแต่งบ้าน
Peanut Better : กากขยะการเกษตร สู่โฮมเดคอร์สีสันเจ็บ
ผลงานการออกแบบของนางสาวรมิตา เสน่ห์ค่า นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาศิลปะอุตสาหกรรม วิชาการออกแบบสิ่งทอ สจล. ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ขยะจากอุตสาหกรรมการเกษตร อย่าง 'เปลือกถั่วลิสง' ซึ่งนอกจากจะสามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยฝังกลบคืนสู่การเกษตร แต่ด้วยแนวคิดการออกแบบ ร่วมกับการประยุกต์เทคโนโลยีการผลิต ยังสามารถเปลี่ยนกากการเกษตรดังกล่าว ด้วยการขึ้นรูป อัดแข็งแบบแผ่น พร้อมย้อมด้วยสีธรรมชาติเป็นลายทางเรขาคณิต กลายมาเป็นเป็นเคหะสิ่งทอ ที่สามารถนำไปใช้ตกแต่งบ้าน ผนัง หรือเป็นแผ่นประดับตกแต่งโต๊ะอาหาร (Tableware) สีสันสวยงาม ที่มีมูลค่าเพิ่มจากการเป็นเพียงปุ๋ยทางการเกษตร
Meshography : กระเป๋ามุ้งลวดปักลาย ด้วยเทคโนโลยีการปักที่ไม่เคยใช้กับ 'มุ้ง' มาก่อน
ผลงานออกแบบของนางสาวอรวรรณ กอเสรีกุล นักศึกษาคณะสถาปัตย์ฯ สจล. ที่นำไอเดียเอาวัสดุเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมสิ่งก่อสร้างอย่าง 'มุ้งลวด' มาออกแบบเป็นสิ่งทอแนวใหม่ ด้วยเทคโนโลยีการปักฟูแบบ Needle Punching ที่คิดค้นและทดลองใหม่เพื่อนำมาใช้กับมุ้งลวดโดยเฉพาะ ซึ่งปกติรูปแบบงานปักดังกล่าว จะถูกใช้กับวัสดุจำพวกผ้า หรือหนังเท่านั้น และนำมาทำเป็นกระเป๋าที่มีสีสันสวยงาม และมีลวดลาย 3 มิติ นุ่มฟู สะท้อนให้เห็นถึงการนำวัสดุ และเทคโนโลยี ที่บางครั้งมักถูกนำไปใช้แบบซ้ำๆ ด้วยวิธีการเดิมๆ เพียงอย่างเดียว มาพัฒนาผสมผสานไปกับงานออกแบบ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์แบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในฐานะอาจารย์นักออกแบบ อยากให้การนำกลับมาใช้ใหม่ อยู่ในวิถีชีวิตของมนุษยชาติ สังคมต้องมีจิตสำนึกในการเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยกันลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ ของการนำกลับมาใช้ใหม่ ทั้งนี้ สจล. เอง ได้เริ่มต้นโมเดลการเรียนการสอน ที่บูรณาการศาสตร์การออกแบบดังกล่าว เข้าสู่หลักสูตรของนักศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. เพื่อปลูกฝังแนวคิดการเป็นนักออกแบบรับใช้สังคม ให้ผู้เรียนสามารถออกแบบ และต่อยอดผลิตภัณฑ์ ด้วยการประยุกต์ใช้ความรู้ ควบคู่นวัตกรรม สู่การเป็นผู้ประกอบการหรือนักออกแบบที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้ในอนาคต อ.จารุพัชร กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8111 หรือเข้าไปที่ www.kmitl.ac.th