NIDA Poll “ประเพณีการรับน้อง” ควรมีต่อไป?

พุธ ๐๑ สิงหาคม ๒๐๑๘ ๐๙:๕๑
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "ประเพณีการรับน้อง" ควรมีต่อไป? ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป กระจาย ทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,264 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับประเพณีการรับน้องในปัจจุบัน การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ "นิด้าโพล" ด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงผลดีหรือผลเสียของ "ประเพณีการรับน้อง" ต่อนิสิต/นักศึกษา/สถาบันการศึกษา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.29 ระบุว่า มีผลเสียมากกว่าผลดี รองลงมา ร้อยละ 45.17 ระบุว่า มีผลดีมากกว่าผลเสีย และร้อยละ 5.54 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

โดยผู้ที่ระบุว่า มีผลเสียมากกว่าผลดี ได้ให้เหตุผลส่วนใหญ่ พบว่า ร้อยละ 92.13 ระบุว่า การใช้ความรุนแรงก่อให้เกิดการสูญเสียและสร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบัน รองลงมา ร้อยละ 30.18 ระบุว่า การใช้อารมณ์ในการด่าทอ ก่อให้เกิดความก้าวร้าวขึ้นในหมู่คณะ และร้อยละ 22.63 ระบุว่า ส่งผลกระทบต่อการเรียนของนิสิต/นักศึกษา ส่วนผู้ที่ระบุว่า มีผลดีมากกว่าผลเสีย ได้ให้เหตุผลส่วนใหญ่ พบว่า ร้อยละ 90.37 ระบุว่า เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่คณะ รองลงมา ร้อยละ 30.12 ระบุว่า เป็นการฝึกให้มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองและการตรงต่อเวลากล้าแสดงออกมากขึ้น และร้อยละ 27.15 ระบุว่า เป็นการฝึกการ มีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

ด้านระดับความรุนแรงของ "ประเพณีการรับน้อง" ในปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 18.91 ระบุว่า มีการใช้ความรุนแรงมากที่สุด ร้อยละ 54.35 ระบุว่า มีการใช้ความรุนแรงมาก ร้อยละ 21.52 ระบุว่า ไม่ค่อยมีการใช้ความรุนแรง ร้อยละ 1.66 ระบุว่า ไม่มีการใช้ความรุนแรงเลย และร้อยละ 3.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ โดยผู้ที่ระบุว่า มีการใช้ความรุนแรงมาก – มากที่สุด ได้ให้เหตุผลว่า มีข่าวออกมาให้เห็นบ่อยครั้ง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ขาดการควบคุมดูแลจากสถาบัน ส่วนผู้ที่ระบุว่า ไม่ค่อยมีการใช้ความรุนแรง – ไม่มีการใช้ความรุนแรงเลย ให้เหตุผลว่า ทางสถาบันมีการควบคุม ดูแล และป้องกันการรับน้องที่รุนแรง

เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทลงโทษสำหรับรุ่นพี่ที่กระทำความรุนแรงในการรับน้อง โดยการตัดคะแนนความประพฤติ/ พักการเรียน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.69 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ บทลงโทษไม่รุนแรงเกินไป เหมาะสมกับความผิด รองลงมา ร้อยละ 20.81 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ บทลงโทษมีความรุนแรงน้อยเกินไป ควรมีการลงโทษตามกฎหมาย ขณะที่บางส่วนระบุว่า บทลงโทษรุนแรงไป ควรมีการตักเตือนก่อน แต่ก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป และร้อยละ 1.50 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความรับผิดชอบของสถาบันการศึกษา ในกรณีที่มีการใช้ความรุนแรงในประเพณี การรับน้อง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 93.28 ระบุว่า ควรต้องรับผิดชอบ เพราะ สถาบันการศึกษาเป็นผู้ดูแล รับผิดชอบ นิสิต นักศึกษา ภายในสถาบันทั้งหมด รองลงมา ร้อยละ 5.30 ระบุว่า ไม่ควรต้องรับผิดชอบ เพราะ เป็นเรื่องที่เกิดจากตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับสถาบัน และร้อยละ 1.42 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ "ประเพณีการรับน้อง" พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.31 ระบุว่า จัดกิจกรรมรับน้องที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์ต่อตัวรุ่นน้องและสังคม รองลงมา ร้อยละ 33.78 ระบุว่า ให้สถาบันการศึกษาออกมาตรการป้องกันการรับน้องที่ชัดเจน ร้อยละ 26.03 ระบุว่า มีการรับน้องแบบโปร่งใสโดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม ร้อยละ 19.38 ระบุว่า กำหนดรูปแบบการรับน้องให้เป็นรูปแบบเดียวกันทุกสถาบันการศึกษา ร้อยละ 12.97 ระบุว่า ออกบทลงโทษขั้นรุนแรงโดยใช้กฎหมายนอกสถาบันการศึกษา ร้อยละ 2.85 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ให้จัดกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย โดยมีอาจารย์เป็นผู้ควบคุมการทำกิจกรรม ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่ต้องการให้มีประเพณีการรับน้องอีกต่อไป และร้อยละ 3.24 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึง "ประเพณีการรับน้อง" ควรมีต่อไปหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 67.57 ระบุว่า ควรมี "ประเพณีการรับน้อง" ต่อไป เพราะ เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ สร้างความสามัคคี ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง บางส่วนระบุว่า ควรเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เพื่อสังคม และผู้ปกครองสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมได้ รองลงมา ร้อยละ 30.14 ระบุว่า ควรยกเลิก "ประเพณีการรับน้อง" เพราะ ไม่มีความสำคัญ ไม่มีประโยชน์ ต่อการศึกษา ยังมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์กว่าการรับน้องที่สามารถเข้าร่วมได้ และเพื่อลดการเกิดปัญหาความรุนแรง และร้อยละ 2.29 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 10.60 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 25.71 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 17.09 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 30.54 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 16.06 มีภูมิลำเนา อยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 55.14 เป็นเพศชาย ร้อยละ 44.62 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 0.24 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่าง ร้อยละ 6.96 มีอายุ 16 – 25 ปี ร้อยละ 16.85 มีอายุ 26 – 35 ปี ร้อยละ 21.52 มีอายุ 36 – 45 ปี ร้อยละ 34.26 มีอายุ 46 – 59 ปี ร้อยละ 18.91 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และร้อยละ 1.50 ไม่ระบุอายุ ตัวอย่าง ร้อยละ 92.49 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.32 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 0.95 นับถือศาสนาคริสต์ /ฮินดู/ซิกข์/ยิว/ไม่นับถือศาสนาใด ๆ และร้อยละ 3.24 ไม่ระบุศาสนา

ตัวอย่าง ร้อยละ 21.99 สถานภาพโสด ร้อยละ 70.17 สมรสแล้ว ร้อยละ 4.75 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 3.09 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส ตัวอย่าง ร้อยละ 25.40 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 30.62 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 7.36 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 26.98 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 5.77 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 3.87 ไม่ระบุการศึกษา

ตัวอย่าง ร้อยละ 10.29 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.24 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 24.84 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 14.32 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.00 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 15.27 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 2.77 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 0.08 เป็นพนักงานองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร และร้อยละ 4.19 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 12.58 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 20.89 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 26.66 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 10.05 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท ร้อยละ 6.25 มีรายได้เฉลี่ย ต่อเดือน 30,001 – 40,000 บาท ร้อยละ 10.84 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 12.73 ไม่ระบุรายได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest