การปรุงรสอูมามิเพียงเล็กน้อยช่วยลดปัญหาสุขภาพอันใหญ่หลวงได้หรือไม่?

อังคาร ๑๑ กันยายน ๒๐๑๘ ๑๖:๐๘
ความสัมพันธ์ที่เหลือเชื่อของอูมามิ เกลือ และความดันเลือดสูง

ความดันเลือดสูง: "นักฆ่าที่มากับภัยเงียบ"

โดยปกติแล้วเมื่อคุณไปพบแพทย์ สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่จะทำคือการวัดความดันเลือดที่แขนของคุณ ปั๊มอากาศเข้าไป และจดบันทึกค่าที่ได้ หากคุณโชคดีและมีสุขภาพดี นั่นเป็นเพียงครั้งเดียวที่คุณจะนึกถึงความดันเลือดของคุณ สำหรับบางคน แพทย์อาจบอกคุณว่าความดันเลือดของคุณสูงเกินไป และคุณควรดูแลการรับประทานอาหารและออกกำลังกายมากกว่านี้

การตรวจความดันเลือดเป็นเรื่องปกติที่บางคนอาจไม่ได้ใส่ใจ แต่ความจริงแล้ว การมีความดันเลือดสูง ที่เรียกในภาษาทางการแพทย์ว่า "ภาวะความดันโลหิตสูง" นั้น อันตรายอย่างยิ่ง ตามข้อมูลจาก Mayo Clinic ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกนั้นพบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้คนที่ไม่ได้รับการรักษาโรคความดันโลหิตสูง จะเสียชีวิตเนื่องจากโรคหัวใจที่เกี่ยวเนื่องกับการไหลเวียนของเลือดไม่ดีพอ เช่น การเกิดหัวใจวาย และคาดว่าอีกหนึ่งในสามสามารถเสียชีวิตเนื่องจากภาวะเส้นเลือดในสมองอุดตันได้1. ยิ่งไปกว่านั้น โรคความดันโลหิตสูงนั้นไม่แสดงอาการใดๆ ที่ชัดเจน นี่จึงเป็นเหตุให้แพทย์ตรวจสอบความดันเลือดทุกครั้งที่มีโอกาส

ความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง

ทั้ง ๆ ที่เรามีความรู้เกี่ยวกับอันตรายของความดันโลหิตสูง รวมถึงสามารถควบคุมตัวเองได้ โดยการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายและการใช้ยาต่าง ๆ มากมายแล้ว แต่โรคความดันโลหิตสูงกำลังเพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2558 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รายงานจำนวนของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป พบว่าในจำนวนนี้ร้อยละ 20 เป็นผู้หญิงและร้อยละ 24 เป็นผู้ชาย2. และสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ มีการคาดการณ์ว่าโรคความดันโลหิตสูงคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกประมาณ 9.4 ล้านคนต่อปี3. เป็นจำนวนกว่าร้อยละ 13 ของการเสียชีวิตจากสาเหตุทั้งหมด4!

นอกจากการสร้างภาระอันหนักหน่วงให้กับผู้ป่วยและครอบครัวแล้ว โรคความดันโลหิตสูงยังเป็นภาระอันหนักอึ้งของสังคมอีกด้วย ซึ่งมาในรูปแบบของค่ารักษาพยาบาล เฉพาะในสหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายต่อปีสำหรับการรักษาโรคความดันโลหิตสูงนั้นอยู่ที่ประมาณ 54,000 ล้านดอลล่าร์4. เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขที่มากดังกล่าวกับตัวเลขอื่น ๆ แล้ว จะพบว่านั่นเทียบเท่ากับการจ่ายเงินให้ประชากรในอเมริกา ในอังกฤษ และในรัสเซียคนละ 1,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว5.

แต่ข่าวดีก็คือ ไม่ใช่ทุกประเทศที่ประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และหนึ่งในประเทศดังกล่าวที่สวนทางประเทศอื่น ๆ คือ ญี่ปุ่น ที่จำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงลดลงอย่างคงที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 หนึ่งในสาเหตุของแนวโน้มเชิงบวกนี้เชื่อกันว่า เกิดจากการปรับปรุงการรับประทานอาหารให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการลดปริมาณการบริโภคเกลือ

ความเชื่อมโยงระหว่างเกลือและความดันโลหิตสูงโซเดียมเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพมนุษย์ หากไม่มีโซเดียม กล้ามเนื้อของเราจะไม่สามารถหดตัว และระบบประสาทของเราจะไม่ทำงานเนื่องจากเราไม่สามารถส่งกระแสประสาทได้ นอกจากโซเดียมจะเป็นส่วนสำคัญสำหรับสุขภาพของผู้คนแล้ว ยังมีการถกเถียงกันอีกว่าโซเดียมได้ช่วยให้สปีชีส์ของเรามีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ ในอดีตนั้น มนุษย์ไม่สามารถหาอาหารได้เสมอไป ช่วงฤดูหนาวอันหนาวเหน็บที่ไม่สามารถออกไปล่าสัตว์ได้ และช่วงฤดูใบไม้ผลิที่แห้งแล้งก็ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ผลที่ตามมาคือ ในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา มนุษย์ใช้เกลือถนอมอาหารรวมไปถึงเนื้อสัตว์ เนย หรือแม้กระทั่งขนมปัง ด้วยวิธีนี้ จึงทำให้มีสารอาหารเพียงพอตลอดทั้งปี

อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันโดยทั่วกันว่าการบริโภคเกลือที่มากเกินไปอาจนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง สิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพมากขนาดนั้นกลายเป็น "นักฆ่าที่มากับภัยเงียบ" อย่างความดันเลือดสูงได้อย่างไร? พูดให้เข้าใจง่ายคือ ยิ่งคุณมีโซเดียมในร่างกายมากเท่าไหร่ ร่างกายยิ่งกำจัดน้ำส่วนเกินออกจากเลือดได้ยากเท่านั้น นั่นหมายความว่าจะมีของเหลวมากขึ้นในกระแสเลือดและทำให้เกิดความดันที่สูงขึ้น

การบริโภคเกลือเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดความดันเลือดสูง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยอื่น ๆ แล้ว เช่น กรรมพันธุ์หรือความเครียด ความดันนั้นสามารถควบคุมได้ง่ายกว่า ทำให้WHO ออกแนวทางให้ผู้คนบริโภคโซเดียมน้อยกว่า 2 กรัมต่อวัน ซึ่งมีค่าเทียบเท่ากับการบริโภคเกลือแกง 5 กรัม6. ยิ่งไปกว่านั้น รัฐสมาชิกของ WHO เห็นชอบให้มีการลดปริมาณการบริโภคเกลือของประชากรโลกลงร้อยละ 30 ในปี 20257.

เครื่องปรุงรสอูมามิเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่?

เครื่องปรุงรสอูมามิ (โมโนโซเดียมกลูตาเมต MSG หรือผงชูรส) ไม่ใช่เกลือ MSG ประกอบด้วยโซเดียมร้อยละ 12 เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณเกลือร้อยละ 39 ในเกลือ นอกจากนี้ เราใช้MSG ในปริมาณน้อยกว่ามากในการทำให้อาหารมีรสชาติอร่อย เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เกลือแล้ว นั่นหมายความว่า ปริมาณการบริโภคโซเดียมในเครื่องปรุงรสอูมามินั้นน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการบริโภคเกลือ

ซึ่งนำไปสู่คำถามที่น่าสนใจนี้: เนื่องจากปริมาณเพียงเล็กน้อยของเครื่องปรุงรสอูมามิที่ต้องใช้ในการทำให้อาหารอร่อย และปริมาณโซเดียมที่มีอยู่เล็กน้อยในเครื่องปรุงรสอูมามิ แล้วการใช้เครื่องปรุงรสอูมามินี้จะสามารถช่วยผู้คนลดการบริโภคเกลือได้หรือไม่?

ผลจากการศึกษาวิจัยงานหนึ่ง ให้คำตอบคือ "ได้" อาสาสมัครได้ประเมินความอร่อยของซุปใสแบบญี่ปุ่นที่ปรุงรสด้วยเกลือและซุปอีกชามที่ปรุงรสด้วยเกลือในปริมาณน้อยลงมากแต่เติมเครื่องปรุงรสอูมามิลงไปด้วย ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า การเติมเครื่องปรุงรสอูมามิเพื่อให้ได้ความอร่อยของซุปในระดับเดียวกันนั้นสามารถทำได้โดยการใช้เกลือน้อยลงกว่าร้อยละ 308! ที่ Ajinomoto Co., Inc. ("บริษัท Ajinomoto") เราเชื่อว่าเราสามารถลดปริมาณการบริโภคเกลือได้ในอาหารหลากหลายประเภททั่วโลก

หน้าที่ของเราในการลดการบริโภคเกลือ

เพื่อรักษาสัญญาในการช่วยผู้คนให้รับประทานอาหารที่ดีและมีชีวิตที่มีความสุขขึ้น บริษัท Ajinomoto มุ่งมั่นทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อช่วยผู้คนลดการบริโภคเกลือลง ยกตัวอย่างเช่น:

- ญี่ปุ่น: มีการกำหนด "วันลดเกลือ" อย่างเป็นทางการในสังคมผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในญี่ปุ่น ซึ่งบริษัท Ajinomoto สนับสนุนรายการอาหารที่มีเกลือต่ำในร้านค้าหลัก ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น

- สหรัฐอเมริกา: เป็นเจ้าภาพจัดสาธิตการปรุงอาหารและรสอูมามิที่งาน Food Nutrition Conference and Expo ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและสารอาหาร

- เวียดนาม: จัดทำซอฟท์แวร์พัฒนาเมนูอาหารให้โรงเรียนกว่า 4,000 แห่ง เพื่อปรุงอาหารกลางวันที่ปรับสมดุลด้วยเครื่องปรุงรสอูมามิในปริมาณที่เหมาะสมร่วมกับการใช้เกลือ

- บราซิล เปรู และอินโดนีเซีย: จัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับเครื่องปรุงรสอูมามิและการลดปริมาณเกลือหลายการประชุม

- มาเลเซีย: จัดพิมพ์หนังสือปรุงอาหารที่มีปริมาณเกลือต่ำ แต่ใช้เครื่องปรุงรสอูมามิแทนตามคำแนะนำของ WHO ในการลดการบริโภคเกลือต่อวันให้น้อยลง

คำมั่นสัญญาของเรา

การลดการบริโภคเกลือเป็นมาตรการที่ได้ผลมากที่สุดที่ประเทศต่าง ๆ สามารถทำให้สุขภาพของประชากรของตนดีขึ้นได้ หากการบริโภคเกลือสามารถลดลงได้ร้อยละ 30 ในปี พ.ศ. 2568 เราจะสามารถลดการเสียชีวิตของผู้คนเนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงลงได้ 2.5 ล้านคนทุกปี7 เรามุ่งมั่นอย่างจริงจังในการสนับสนุนความพยายามทั่วโลกนี้ ผ่านการสื่อสารและการสาธิตที่อ้างอิงตามหลักฐาน เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้เครื่องปรุงรสอูมามิเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่มีความสมดุล ดีต่อสุขภาพ และมีปริมาณเกลือต่ำ

เกี่ยวกับบริษัท Ajinomoto

บริษัท Ajinomoto เป็นผู้ผลิตเครื่องปรุง อาหารแปรรูป เครื่องดื่มคุณภาพสูง รวมถึงผลิตภัณฑ์กรดอะมิโน ยารักษาโรค และสารเคมีคุณลักษณะพิเศษ เป็นเวลาหลายปีแล้วที่บริษัท Ajinomoto ได้สนับสนุนวัฒนธรรมด้านอาหารและสุขภาพมนุษย์ผ่านการใช้เทคโนโลยีกรดอะมิโนอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันบริษัทได้มีความเกี่ยวโยงเพิ่มขึ้นกับแนวทางเพื่อการพัฒนาแหล่งทรัพยากรอาหาร สุขภาพมนุษย์ และความยั่งยืนสากล บริษัทก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2452 และตอนนี้ดำเนินกิจการใน 35 ประเทศและภูมิภาค บริษัท Ajinomoto มียอดขายสุทธิในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 1,150.2 พันล้านเยน (10,360 ดอลล่าร์สหรัฐ) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Ajinomoto (TYO: 2802), กรุณาเยี่ยมชมที่ www.ajinomoto.com.

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4