วสท. แนะวิธีปฏิบัติตน หากเกิดเหตุรถเสียบนทางด่วน หรือทางหลวง

อังคาร ๒๕ ธันวาคม ๒๐๑๘ ๑๗:๔๒
ไลฟ์สไตล์ชีวิตและการเดินทางคนกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ต่างต้องใช้ทางด่วนและทางหลวงกันอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยินข่าวเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วน ล่าสุดจากเหตุเศร้าสลดเมื่อรถเบนซ์พุ่งชนรถกระบะที่จอดเสียบนไหล่ทางของทางด่วนศรีรัชเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ทำให้คนขับและผู้ร่วมทางที่ลงจากรถเสียนั้นตกลงมาเบื้องล่างเสียชีวิต 2 ราย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) แนะวิธีปฏิบัติ หากรถเสียบนทางด่วน หรือทางหลวง ควรทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงและเกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน

รศ. เอนก ศิริพานิชกร ประธานวิศวกรรมโยธาและประธานคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า ในหลักวิศวกรรมการทางและจราจร มีเกณฑ์เป้าหมายบริหารจัดการ 3 เรื่อง คือ ความเร็ว ความสะดวกสบาย และ ความปลอดภัย ผู้ขับรถยนต์บนทางด่วนควรขับขี่ในช่องจราจรเท่านั้น ไม่ควรขับบนไหล่ทาง และควรเว้นระยะห่างคันต่อคัน 2 วินาที หรือประมาณ 30 เมตรเป็นอย่างน้อย ไม่ขับจี้ท้ายรถคันหน้าเกินไป เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหากต้องเบรกรถกะทันหัน ข้อปฏิบัติหากเกิดเหตุรถเสียบนทางด่วนหรือทางหลวง มีดังนี้

1. ให้จอดรถชิดซ้ายบนไหล่ทาง หากไม่มีไหล่ทางให้ชิดริมมากที่สุด แล้วอย่าลงจากรถ เนื่องจากกรถที่วิ่งบนทางด่วนทุกคันมักใช้ความเร็วสูง เมื่อไม่ทันสังเกตว่ามีรถจอด หรือคนยืนอยู่ อาจเกิดการเฉี่ยวชนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

2. เปิดสัญญาณไฟกระพริบคู่ (ไฟฉุกเฉิน) ตลอดเวลา และโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากสายด่วนการทางพิเศษ โทร. 1543 หรือ 1586 สายด่วนทางหลวงและมอเตอร์เวย์ ส่วนโทลเวย์ โทร. 1233 หากไม่สามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ ให้ใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินซึ่งเป็นตู้โทรศัพท์สีส้มที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ติดตั้งไว้บนทางพิเศษบริเวณไหล่ทางด้านซ้ายทุก 500 - 1,000 เมตร โดยกดปุ่มSOS เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุม และควรกลับไปนั่งรอในรถ

3. วาง "กรวยยางสีส้ม" หรือ "ป้ายเตือนสามเหลี่ยมสะท้อนแสง" กั้นด้านหน้ารถและด้านหลังรถด้วยระยะห่างจากตัวรถประมาณ 30 - 50 เมตร เพื่อให้สะดุดตาเตือนรถคันอื่นที่ขับตามมา

4. เปิดฝากระโปรงท้ายขึ้นสูงไว้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้รถที่ขับมามองเห็นแต่ไกลว่ามีรถจอดเสียอยู่ข้างหน้า

และ 5. แนะนำให้ผู้ขับรถตรียมเสื้อกั๊กสีเหลือง (Safety Vest) สะท้อนแสงไว้ในรถเสมอ หลายประเทศเช่นประเทศฝรั่งเศสได้ออกกฎหมายบังคับให้ผู้ใช้รถทุกคัน ต้องมีเสื้อกั๊กเหลืองสะท้อนแสงติดรถ เพื่อสวมใส่หากมีเหตุฉุกเฉิน หรือมีความจำเป็นต้องลงจากรถ เพื่อที่รถคันอื่นจะได้มองเห็นในระยะไกลแม้ในเวลากลางคืนหรือช่วงที่มีแสงสว่างน้อย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้

อุบัติเหตุนำมาซึ่งการสูญเสียเป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่ผู้ขับขี่ ผู้ใช้รถใช้ถนนและเจ้าหน้าที่ ได้ตระหนักถึงกฏจราจร ความปลอดภัยบนท้องถนน วิธีป้องกัน เตรียมการอย่างถูกวิธี และตั้งสติหากมีเหตุฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเองและเพื่อนร่วมทาง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑:๑๕ TRP คว้ารางวัลเกียรติยศ Siamrath Awards 2024 ตอกย้ำ ผู้นำศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะบนใบหน้าของประเทศไทย
๑๑:๔๖ ผถห.PIMO-ไพโม่ อนุมัติปันผลงวดครึ่งหลังปี 66 หุ้นละ 0.03 บาทต่อหุ้น
๑๑:๑๘ การประชุมเตรียมงาน10 รอบ นักษัตรพระราชสมภพ
๑๑:๐๓ ผู้บริหารบางจากฯ แบ่งปันประสบการณ์เส้นทางการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เชิญชวนช่วยกัน ลด ละ เริ่ม เพื่อโลกยั่งยืน ในงานสัมมนา Go Green 2024 : The Ambition of
๑๐:๑๔ 1 พ.ค. นี้ เตรียมพบกับฟิตเนสแห่งใหม่ ใจกลางศรีนครินทร์ กับบริการครบครัน ใกล้บ้านคุณ BB FITNESS@พาราไดซ์
๑๐:๑๐ HUAWEI Band 9 จับมือ 3 แพลตฟอร์ม Amado Shopping ช่องทางออนไลน์ Lazada และ Shopee ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ด้วยราคาสมาร์ทแบนด์
๑๐:๔๙ ห้องอาหาร นิมมาน บาร์ แอนด์ กริล พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบจัดเต็มกับ เทศกาลบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น สุดพิเศษ และ บุฟเฟ่ต์ Carvery Night
๑๐:๓๔ TSPCA จัดประชุมสามัญประจำปี 2567 เตรียมความพร้อมสู่สามทศวรรษสวัสดิภาพสัตว์เพื่อก่อเกิด สวัสดิภาพคน
๑๐:๓๒ พด. มุ่งพัฒนาศักยภาพดินในพื้นที่ปลูกพืช GI เสริมศักยภาพเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
๑๐:๐๔ ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ มอบของบริจาค พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ