รายงานประเมินสภาพธรรมชาติทั่วโลกชี้ ผู้นำโลกต้องเร่งมือปกป้องโลกและมนุษยชาติ

อังคาร ๐๗ พฤษภาคม ๒๐๑๙ ๐๘:๒๕
รายงานฉบับใหม่ที่ใช้เวลาจัดทำนานหลายปีได้รับการเผยแพร่ในวันนี้โดยนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำระดับโลก 150 ท่าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพธรรมชาติที่น่าเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นผืนดิน มหาสมุทร หรือสัตว์ป่า โดยผู้นำจากโครงการ Campaign for Nature ระบุว่า รายงานฉบับนี้ตอกย้ำว่าบรรดาผู้นำโลกต้องเร่งปฏิบัติตามข้อตกลงระดับโลกว่าด้วยการอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อทุกสรรพชีวิตบนโลกใบนี้

รายงานการประเมินระดับโลกจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและนิเวศบริการ (IPBES) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติเช่นเดียวกับคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ระบุว่า ปัญหาการทำลายธรรมชาติและวิกฤตสัตว์ป่าสูญพันธุ์อยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าที่เราคิด

คุณ Brian O'Donnell ผู้อำนวยการ Campaign for Nature กล่าวว่า "ธรรมชาติกำลังเผชิญกับวิกฤตอันเลวร้าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของมนุษย์ แต่สถานการณ์นี้ยังไม่สายเกินแก้ โดยรัฐบาลแต่ละชาติต้องปฏิบัติตามคำมั่นในการอนุรักษ์โลกอย่างน้อย 30% ภายในปี 2573"

ในขณะที่ชาติต่างๆ มีความก้าวหน้าอยู่บ้างในการอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติที่มีความสำคัญ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 15% ของผืนดินทั้งหมด และ 7% ของมหาสมุทรทั้งหมด ถึงกระนั้น เหล่านักวิทยาศาสตร์มองว่ายังไม่เพียงพอ

เหล่าผู้เชี่ยวชาญได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งเขตอนุรักษ์เพิ่มเติม เช่น เขตวนอุทยาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตคุ้มครอง พร้อมกับเพิ่มงบประมาณในการอนุรักษ์ธรรมชาติ นอกจากนี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังเตือนว่า ภาครัฐต้องจัดการกับวิกฤตธรรมชาติอย่างเร่งด่วนเทียบเท่ากับการจัดการปัญหาโลกร้อน

คุณ Jonathan Baillie รองประธานบริหารและหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ National Geographic Society กล่าวว่า "ถ้าเราใส่ใจสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ถ้าเราใส่ใจอนาคตของลูกหลาน ถ้าเราใส่ใจสิ่งแวดล้อม ถ้าเราต้องการบรรลุเป้าหมายในการพัฒนา มีหนทางเดียวคือเราต้องรักษาธรรมชาติส่วนที่ยังเหลืออยู่ เราต้องอนุรักษ์โลกให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2593 โดยมีเป้าหมายครึ่งทางคือการอนุรักษ์โลกอย่างน้อย 30% ภายในปี 2573 เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เราต้องเร่งฟื้นฟูธรรมชาติและผลักดันนวัตกรรม เพื่อส่งต่อโลกที่สดใสและยั่งยืนให้กับคนรุ่นหลังต่อไป"

ปัจจุบัน กลุ่มความร่วมมือเกือบ 100 กลุ่มทั่วโลก ซึ่งรวมถึงคนพื้นเมือง องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ และองค์กรการกุศล ได้ปฏิบัติตามเป้าหมายในการอนุรักษ์โลกอย่างน้อย 30% ภายในปี 2573 เพื่อรับมือกับภัยคุกคามเร่งด่วนอย่างภาวะโลกร้อน การทำลายถิ่นฐานธรรมชาติ และการสูญพันธ์ของสัตว์นานาชนิด

รายงานการประเมินระดับโลกฉบับนี้ตอกย้ำความสำคัญขององค์ความรู้ดั้งเดิมในท้องถิ่นที่มีต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้เราประสบความสำเร็จในการปกป้องโลกใบนี้ โดยรายงานระบุว่า เหตุการณ์ในอดีตแสดงให้เห็นว่าคนพื้นเมืองดูแลและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพได้ดีกว่าภาครัฐ นอกจากนั้นยังเน้นย้ำว่าคนพื้นเมืองดูแลหรือครอบครองพื้นที่จำนวนมากที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ธรรมชาติราว 37% ของทั่วโลกที่ยังไม่ได้รับการคุ้มครอง

คุณ Francisco von Hildebrand ผู้อำนวยการมูลนิธิ Gaia Amazonas Foundation ซึ่งเป็นพันธมิตรของโครงการ Campaign for Nature กล่าวว่า "การร่วมมือกับคนพื้นเมืองและส่งเสริมการอนุรักษ์ที่นำโดยคนพื้นเมืองคือสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ การอนุรักษ์ที่นำโดยคนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการอนุรักษ์ธรรมชาติ ดังนั้น การทำข้อตกลงว่าด้วยการอนุรักษ์ธรรมชาติทั่วโลกในอนาคตจะต้องให้ความสำคัญและฟังเสียงของคนพื้นเมือง"

คุณ Molly McUsic ประธานมูลนิธิ Wyss Foundation องค์กรการกุศลที่ทุ่มเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้าเพื่อปกป้องผืนดินและผืนน้ำทั่วโลก กล่าวว่า "สุขภาพและความผาสุกของทุกคนทั่วโลกขึ้นอยู่กับความสามารถของเราในการร่วมกันปกป้องผืนดิน ผืนน้ำ และสัตว์ป่าเพื่อคนรุ่นหลัง เราจำเป็นต้องเร่งขยายเขตอนุรักษ์ทั่วโลก เพื่อปกป้องแหล่งน้ำที่เราดื่ม อากาศบริสุทธิ์ที่เราหายใจ และระบบนิเวศทางธรรมชาติที่เศรษฐกิจโลกต้องพึ่งพา ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ภาครัฐ ภาคธุรกิจ องค์กรการกุศล และองค์กรเอ็นจีโอ ต้องร่วมกันให้การสนับสนุนทางการเงินที่จำเป็นต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ"

คุณ O'Donnell กล่าวสรุปว่า "รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ธรรมชาติกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต และเราต้องลงมือปกป้องธรรมชาติเดี๋ยวนี้ ภาครัฐต้องจัดการกับภัยคุกคามต่อธรรมชาติ การสูญเสียถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่า และช่วยกันอนุรักษ์โลกอย่างน้อย 30% ภายในปี 2573 รวมถึงให้การสนับสนุนทางการเงินที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมาย เราไม่มีเวลาแล้ว ความหลากหลายทางชีวภาพที่สูญเสียไปไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ และการสูญพันธุ์คือการสูญเสียไปตลอดกาล"

เกี่ยวกับ Campaign for Nature

Campaign for Nature คือโครงการรณรงค์ให้ทั่วโลกตระหนักถึงภัยคุกคามธรรมชาติ และกระตุ้นให้ผู้นำทั่วโลกลงมือปกป้องธรรมชาติ โครงการนี้ริเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2561 โดย Wyss Campaign for Nature, National Geographic Society และกลุ่มนักอนุรักษ์ได้ร่วมกันเรียกร้องให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายกำหนดเป้าหมายอย่างจริงจังและชัดเจนในการประชุม Convention on Biological Diversity Conference of Parties ในเดือนตุลาคม 2563 เพื่ออนุรักษ์โลกอย่างน้อย 30% ภายในปี 2573

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/881326/National_Geographic_and_Campaign_for_Nature_Logo.jpg

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๒๗ ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น ต้อนรับนักวิเคราะห์ เตรียมเดินหน้าเข้า mai ภายในไตรมาส 2/2567
๑๔:๑๓ INNISFREE เปิดตัว 'THE ISLE ADVENTURE' เกมส์โลกเสมือนจริงสำหรับคน Gen Z เพียงเล่น! ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินมูลค่า
๑๔:๐๔ เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์ บิดเดือด Honda CRF450R ครองรั้งจ่าฝูงคะแนนสะสม AMA Supercross 2024 สนามที่ 13
๑๔:๔๐ สมศักดิ์ศรีเทศกาลดนตรีที่ทุกคนรอคอย Pepsi presents S2O Songkran Music Festival 2024 ทำถึง! จัดเต็ม ดีเจระดับโลก โปรดักชั่นสุดยิ่งใหญ่ พลุ น้ำ และเซอร์ไพรซ์ตลอด 3
๑๔:๐๓ กทม.เร่งประสาน ขบ.ปรับปรุงข้อมูลเลขสายรถเมล์ เดินหน้าติดตั้งป้าย-ศาลาที่พักรูปแบบใหม่
๑๔:๔๘ 'เจ้าสัว' คว้ารางวัล Thailand's Most Admired Brand ปี 2024 ครองใจผู้บริโภคกลุ่มสแน็คไทย 2 ปีซ้อน
๑๔:๑๐ KBank Private Banking ตอกย้ำภารกิจพิชิตโลกเดือด ชี้โอกาสการลงทุนอย่างมั่งคั่งและยั่งยืน ผ่าน 3 กองทุนด้านความยั่งยืน K-PLANET K-TNZ-ThaiESG และ
๑๔:๕๖ STX เปิดจองซื้อ IPO กระแสดี ชูหุ้นเหมืองหินตัวแรกในตลาดทุน ไร้หนี้ - เพอร์ฟอร์แมนซ์เยี่ยม
๑๔:๑๕ เรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ ทดสอบรถบัสไฟฟ้า BYD B70 ให้บริการรับ-ส่ง ย่านทองหล่อ ฟรี! ชวนสัมผัสประสบการณ์การเดินทางด้วยไฟฟ้า 100%
๑๔:๒๑ กทม.รุกมาตรการเฝ้าระวัง-ป้องกันการแพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้า ตั้งเป้าทำหมัน-ฉีดวัคซีน 200,000 ตัวในปี 67