- ๓๐ มี.ค. กทม.อยู่ระหว่างศึกษาทบทวนความชัดเจน-เหมาะสมโครงการบึงรับน้ำคลองคู้บอน
- ๒๙ มี.ค. กทม.แจงกำหนดแนวถนนโครงการสาย ข 38 แก้ปัญหาพื้นที่ปิดล้อมยืนยันไม่มีเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- ๓๐ มี.ค. กทม.แจงขีดแนวถนนสาย ก 11 ในร่างผังเมืองฯ มุ่งแก้ปัญหาจราจร-ปัญหาพื้นที่ปิดล้อมขนาดใหญ่
นายไทวุฒิ ขันแก้ว รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. เปิดเผยกรณี รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ระบุในพื้นที่กรุงเทพฯ มีอาคารร้างขนาดใหญ่ ประมาณ 350 อาคาร ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้เจ้าของอาคารปล่อยทิ้งร้าง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรบังคับให้เจ้าของอาคารร้าง จัดหาเจ้าหน้าที่ รปภ. เข้ามาดูแลความปลอดภัยบริเวณอาคารว่า สำนักการโยธา ได้ดำเนินการตรวจสอบอาคารที่หยุดก่อสร้างหรือทิ้งร้าง จำนวน 25 โครงการ 39 อาคาร และมีหนังสือแจ้งสำนักงานเขตประสานเจ้าของอาคารให้ดำเนินการปรับปรุงรั้วรอบอาคารและจัดสายตรวจเทศกิจ พร้อมขอความร่วมมือสถานีตำรวจนครบาลท้องที่จัดสายตรวจเข้าตรวจสอบและปราบปรามเหตุต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่ต้องสัญจรหรือพักอาศัยในบริเวณดังกล่าว นอกจากนั้น ได้พิจารณาแนวทางในการนำอาคารที่ถูกทิ้งร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยมีหนังสือประสานกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อพิจารณาขยายเวลาการบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารหรือดัดแปลงอาคารสำหรับอาคารที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งไม่มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. 2557 ให้มีผลบังคับใช้ได้ต่อไปอีก เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของอาคารดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ขณะเดียวกันได้เชิญเจ้าของอาคารมาหารือและวางแผนแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอาคารที่หยุดการก่อสร้าง รวมทั้งความต้องการที่จะให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนให้อาคารดังกล่าวสามารถดำเนินการต่อไปได้ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและลดปัญหาอาคารรกร้างที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ