อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ มีแนวทางที่จะขับเคลื่อนนโยบาย โดยเน้นฟื้นฟูและสนับสนุนอาชีพการทำประมงให้เกิดความยั่งยืนบนพื้นฐานของการรักษาทรัพยากรและความถูกต้องตามกฎหมาย ส่งเสริมการรวมกลุ่ม สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ลดต้นทุน ลดอุปสรรคในการประกอบอาชีพ รวมถึงส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากภูมิปัญญามาเพิ่มมูลค่า เพื่อสร้างจุดแข็งให้สินค้าประมงไทย สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำออนไลน์ใน 4 พื้นที่ ประกอบด้วย 1) บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ 2) กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา 3) หนองหาร จังหวัดสกลนคร และ 4) อ่าวประจวบฯ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,930,000 ตัว สำหรับพันธุ์ปลาที่ใช้ปล่อย ประกอบด้วย ปลาพวง ปลายี่สกเทศ ปลาตะเพียน ปลานวลจันทร์ ปลาสร้อยขาว ปลาหมอ ปลาสลิด ปลากาดำ ปลาสวาย ปลากะพง กุ้งก้ามกราม และกุ้งกุลาดำ นอกจากนี้ ยังมีพิธีการมอบรางวัลประกวดออกแบบสัญลักษณ์ (Logo) และรางวัลภาพถ่าย "ปลากัดไทย (Siamese Fighting Fish) : สัตว์น้ำประจำชาติ" รวมถึงการมอบโล่/รางวัลให้กับผู้ทำคุณประโยชน์ต่อวงการประมงไทย อาทิ เกษตรกรดีเด่น เกษตรกรแปลงใหญ่ดีเด่น ข้าราชการดีเด่น รางวัลโครงการธนาคารสินค้าเกษตร (ธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม) รางวัลกลุ่มเกษตรกรได้รับมาตรฐานการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด รางวัล Smart PIPO งานวิจัยวิชาการประมงดีเด่น/ชมเชย และการประกาศเกียรติคุณให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมประมงผู้เกษียณอายุซึ่งมีคุณูประการต่อกรมประมงด้วย
"อย่างไรก็ตาม ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 93 กรมประมงจะยังคงยืนหยัดเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนภาคการประมงของไทยเพื่อให้เกษตรกร ชาวประมง และประชาชนในประเทศได้มีทรัพยากรสัตว์น้ำไว้ใช้อย่างยั่งยืนต่อไป" นายอดิศร กล่าว