หลังจบการแข่งด้วยอันดับที่ 2 เป็นครั้งที่ 4 ของฤดูกาล และคว้าสามโพเดียมจากการแข่งขันสี่รอบล่าสุด จอร์จ นาวาร์โร (Jorge Navarro) ได้กระโดดจากลำดับที่สี่ ขึ้นมาเป็นลำดับที่สองในการแข่งขันชิงแชมป์ตามหลังผู้นำ อเล็กซ์ มาร์เกซ (Alex Marquez) อยู่ 38 คะแนน โดยยังเหลือการแข่งขันอยู่อีกห้ารอบ ซึ่ง ออกุสโต เฟอร์นันเดซ (Augusto Fernandez) คู่ปรับได้ประสบอุบัติเหตุในรอบเปิดสนาม ทำให้ อเล็กซ์ มาร์เกซ ยังครองตำแหน่งผู้นำในอันดับที่สาม และคว้าชัยอีกหนึ่งโพเดียม ซึ่งถือเป็นครั้งที่เก้าของฤดูกาลประกอบกับชัยชนะห้าครั้งในรอบก่อนหน้า ทำให้ในขณะนี้ยังไม่มีนักแข่งคนใดที่สามารถโค่นเขาได้ในฤดูกาลนี้
ด้าน ลูก้า มารินี (Luca Marini) จากทีม Sky Racing VR46 เป็นนักแข่งที่รักษาฟอร์มอย่างสม่ำเสมอ โดยเก็บคะแนนในเกือบทุกสนามของฤดูกาลนี้ ในขณะที่ อเล็กซ์ มาร์เกซ (Alex Marquez) ยังคงแสดงฝีมือได้ดีในสนามใหม่ด้วยตำแหน่งโพลโพสิชั่น และถือเป็นครั้งที่สองในฤดูกาลนี้ที่ เรมี การ์ดเนอร์ (Remy Gardner) สร้างสถิติความเร็วสูงสุดใหม่ด้วยความเร็ว 288.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดอันดับที่ห้าของปี
มร.สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ กล่าวว่า "เป็นอีกครั้งที่การแข่งขันในสนามอารากอนแห่งนี้ แสดงให้เราเห็นถึงความน่าตื่นเต้นของฤดูกาลแข่งขัน Moto2 ด้วยพละกำลังพลังและแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ของเราที่สร้างความพึงพอใจให้กับนักแข่ง โดยในการแข่งขันชิงแชมป์ครั้งนี้ มีกลุ่มนักแข่งสี่คนตามหลัง อเล็กซ์ มาร์เกซ ด้วยคะแนนเพียง 15 แต้ม หลังจากเป็นผู้ตามในช่วงแรกในการแข่งขัน แบรด บินเดอร์ ก็สามารถคว้าชัยชนะสองครั้งจากการแข่งขันสี่รอบล่าสุด ส่วน จอร์จ นาวาร์โร คว้าสามโพเดียมจากการแข่งขันสี่รอบล่าสุดเช่นกัน ส่วน ออกุสโต เฟอร์นันเดซ ประสบอุบัติเหตุจึงไม่ได้คะแนนไปในสนามอารากอน ในขณะที่ ทอม ลูธี ยังคงสะสมคะแนนต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ยังเหลือการแข่งขันอีกห้ารอบ ซึ่งรอบต่อไปข้ามทวีปมาจัดขึ้นในประเทศไทย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ที่มักมาพร้อมกับเซอร์ไพรส์ ซึ่งยังคงเป็นที่น่าจับตามองว่าใครจะเป็นผู้คว้าแชมป์ Moto2 ด้วยพลังขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ไทรอัมพ์เป็นครั้งแรก"
ทั้งนี้เครื่องยนต์ไทรอัมพ์ Moto2 แบบ 3 สูบ ขนาด 765 ซีซี พัฒนามาจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส (Street Triple RS) ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงพละกำลังมากกว่า 140 แรงม้า รวมทั้งเสียงของเครื่องยนต์อันทรงพลังได้อย่างน่าทึ่ง สำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ Moto2 ครั้งถัดไปคือการแข่งขันที่ประเทศไทย ในวันที่ 6 ตุลาคม ถือเป็นการเริ่มต้นของการแข่งขันสี่รอบในต่างประเทศตลอดเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยจะตามมาด้วยการแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ตามลำดับ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand