มนัญญาดันโรงงานนมอสค.ภาคเหนือตอนบนศูนย์กลางเรียนรู้อาชีพโคนม

จันทร์ ๑๖ ธันวาคม ๒๐๑๙ ๑๐:๕๑
"รมช.มนัญญา" หนุนโรงงานนม อ.ส.ค. จ.เชียงใหม่ขึ้นแท่นศูนย์กลางของแหล่งการเรียนรู้ของกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์โคนม และแหล่งเรียนรู้โคนมอาชีพพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านอ.ส.ค. เตรียมดันสู่ศูนย์กลางกระจายสินค้าในพื้นที่ภาคเหนือ รุกขยายการส่งออกในตลาดเมียนมาร์ ลาวและเวียดนามวางเป้าปี 63 กวาดรายได้ตลาดตปท.กว่า1,000 ล้าน

ณ ต.ห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมด้วย ดร.อาทิตย์ เพ็ชรรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อ.ส.ค ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) สำนักงานภาคเหนือตอนบน โรงงานผลิตภัณฑ์นมห้วยแก้ว จ.เชียงใหม่ โดยมี ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผอ.อ.ส.ค. พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงาน อ.ส.ค. ให้การต้อนรับนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเดินทางเยี่ยมชมโรงงานผลิตภัณฑ์นมห้วยแก้ว (เชียงใหม่) ของสำนักงานภาคเหนือตอนบน อ.ส.ค.ว่า เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอดโคนมอาชีพพระราชทานให้มีความมั่นคง ยั่งยืน ได้มีการมอบนโยบายให้ อ.ส.ค. เร่งส่งเสริม พัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ให้เกิดความหลากหลายควบคู่กับการเร่งขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทั้งในและต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากสร้างรายได้เพิ่มให้กับ อ.ส.ค. แล้วยังเป็นการช่วยยกระดับรายได้ของเกษตรกรโคนมให้เกิดความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยภายในปี 64 อ.ส.ค.ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่12,000 ล้านบาท ส่วนในปี 62 นี้ทำรายได้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 61 ที่ทำรายได้อยู่ที่ 9,560 ล้านบาท

สำหรับโรงงานนม อ.ส.ค. จังหวัดเชียงใหม่ ได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 40 ล้านบาท ในการขยายกำลังผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ โดยการปรับโรงงานนม ระบบการผลิตและและเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ ที่สามารถทำการผลิตผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ ได้ถึง 6ตัน/ชม. ทำให้อ.ส.ค. สามารถรับซื้อน้ำนมดิบจากสหกรณ์โคนมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจากทางภาคเหนือได้มากขึ้น และทำให้มีกำลังผลิตผลิตนมพาสเจอร์ไรส์เพิ่มจากเดิม สามารถส่งผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนสามารถกระจายผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงตลาดทั่วพื้นที่ในภาคเหนือรวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ไทย-เดนมาร์คได้มีการวางแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟตลอดจนร้านนมต่างๆในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย

ปัจจุบัน อ.ส.ค. รับซื้อน้ำนมดิบจากสหกรณ์ฯ รวมกว่า 44 สหกรณ์ เฉลี่ย 800 ตันต่อวัน เพื่อรองรับการผลิตในโรงงาน อ.ส.ค. ทั้ง 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่) ภาคเหนือตอนล่าง (จังหวัดสุโขทัย) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จังหวัดขอนแก่น) ภาคใต้ (อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) และภาคกลาง (อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี) และมีแผนผลักดันให้โรงงานนม อ.ส.ค. จังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางของแหล่งการเรียนรู้ในกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์โคนม ตลอดจนนักเรียน/นักศึกษา องค์กรต่างๆที่สามารถเข้ามาขอเยี่ยมชมศึกษาดูงานและกระบวนการผลิตของ อ.ส.ค. เพื่อได้เห็นการพัฒนาและขั้นตอนการผลิต ผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพ ตลอดจนได้ศึกษาเรื่องราวของโคนมอาชีพพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มอบให้แก่เกษตรกรไทยได้มีอาชีพทำกิน และ อ.ส.ค. ได้ทำหน้าที่ขององค์กรเพื่อสืบสานและสานต่อในอาชีพการเลี้ยงโคนมให้อยู่คู่กับสังคมไทยสืบไป

"การที่ อ.ส.ค. ได้มีการปรับปรุงและขยายการผลิตโรงงานนมพาสเจอร์ไรส์ จังหวัดเชียงใหม่โดยมีการทำ MOU ร่วมกับสหกรณ์ 3 สหกรณ์ ได้แก่

1. สหกรณ์โคนมการเกษตรไชยปราการ จำกัด

2. สหกรณ์โคนมแม่โจ้ จำกัด

3. สหกรณ์โคนมแม่วาง จำกัด

โดยปริมาณน้ำนมดิบที่สามารถรองรับจากเกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ได้ถึง 22 ตัน/วัน โดยจำนวนปริมาณน้ำนมดิบดังกล่าวสามารถนำมาผลิตผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และผลิตภัณฑ์กลุ่มนมเย็นของ อ.ส.ค. โดยมีการผลิตและกระจายสินค้าได้มากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ อ.ส.ค. ยังมีแผนที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มนมเย็นไปยังกลุ่มธุรกิจ Catering ต่างๆ เช่น โรงแรม ฟู้ดส์คอร์ท ร้านอาหาร อีกด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างฐานการผลิตผลิลภัณฑ์นมของ อ.ส.ค. ให้มีประสิทธิภาพเพื่อแตกไลน์สินค้าและขยายกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมให้คนไทยได้ดื่มนมกันมากขึ้น และช่วยสืบสาน รักษา ต่อยอดโคนมอาชีพพระราชทาน จากในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้อยู่คู่กับสังคมไทยให้ยาวนานสืบไป" นางสาวมนัญญา กล่าว

ด้าน ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการผลิตผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนในการปรับปรุงและการขยายไลน์ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นที่โรงงานนม อ.ส.ค. จังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อจะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไปทั่วทุกพื้นที่ในเขตภาคเหนือและส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ประเทศเมียนมาร์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นอกจากนี้ได้เตรียมเปิดตลาดเพิ่มไปยังประเทศเวียดนามอีกด้วย ซึ่งคาดว่ารายได้ในการส่งออกนมยูเอชที และนมพาสเจอไรส์ของสำนักงาน อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่ ในปี 63 จะสามารถทำยอดขายได้กว่า 1,000 ล้านบาท

ปัจจุบัน อ.ส.ค. ได้มีการทำแผนประชาสัมพันธ์ เพื่อรณรงค์และสนับสนุนให้คนไทยและเยาวชนไทยหันมาบริโภคนมที่มีคุณภาพจากนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผงอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4