นายโรเบิร์ต เจนกิ้นส์ หัวหน้าฝ่ายการศึกษาขององค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า “โรงเรียนส่วนใหญ่ในหลายประเทศทั่วโลกได้หยุดการเรียนการสอนลงแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากเราไม่ร่วมกันช่วยให้เด็กได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ตอนนี้ ภาคสังคมและเศรษฐกิจจะต้องแบกรับภาระหนักอีกยาวนานหลังการระบาดสิ้นสุดลง ชุมชนที่อ่อนแอจะได้รับผลกระทบไปอีกหลายชั่วอายุ จากกรณีศึกษาการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบล่าในอดีต ทำให้เรารู้ว่า ยิ่งเด็กต้องขาดเรียนนานขึ้น ก็ยิ่งทำให้พวกเขามีโอกาสได้กลับมาเรียนน้อยลง การหาการเรียนการสอนรูปแบบอื่น ๆ การให้เด็กกลับมามีกิจวัตรในการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ ถือป็นเรื่องสำคัญมากในเวลานี้”
ยูนิเซฟได้จัดสรรเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมกว่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐ (421 ล้านบาท) สำหรับประเทศที่มีสถานะรายได้น้อยและปานกลางกว่า 145 ประเทศทั่วโลก เพื่อร่วมกับรัฐบาลและองค์กรพัฒนาเอกชนในแต่ละประเทศ โดยเกือบ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ (290 ล้านบาท) เป็นเงินสนับสนุนจาก Global Partnership for Education
การช่วยเหลือครั้งนี้จะช่วยให้ประเทศต่าง ๆ สามารถจัดเตรียมหลักสูตรการเรียนรู้ทางเลือกรูปแบบต่าง ๆ และช่วยให้โรงเรียนสามารถเผยแพร่ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการล้างมือและข้อปฏิบัติเพื่อสุขอนามัยสำหรับเด็ก ๆ และชุมชน พร้อมสนับสนุนการดูแลสุขภาพจิตของเด็ก ตลอดจนรณรงค์ไม่ให้เกิดการตีตราและแบ่งแยกในสังคมต่อเรื่องการแพร่เชื้อไวรัส
ยูนิเซฟเตรียมทำงานกับพันธมิตรใน 145 ประเทศ โดยมีแผนดำเนินการดังนี้
สนับสนุนแผนการรับมือวิกฤตของรัฐบาล โดยให้การช่วยเหลือด้านเทคนิค การวิเคราะห์ความเสี่ยง การเก็บข้อมูล และการวางแผนการเปิดเรียนสนับสนุนการวางแผนและการดำเนินงานของโรงเรียน เช่น จัดทำและเผยแพร่คู่มือโรงเรียนปลอดภัย จัดส่งสิ่งของเพื่อสุขอนามัย และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรค ฝึกอบรมครูและผู้ปกครองด้านการดูแลจิตใจตนเองและเด็กสนับสนุนให้การเรียนรู้ทางไกลดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยออกแบบและจัดเตรียมหลักสูตรการศึกษาทางเลือกบนช่องทางออนไลน์ วิทยุ และโทรทัศน์พัฒนาศักยภาพในการแบ่งปันความรู้และถอดบทเรียนในการรับมือกับการแพร่ระบาดทั้งในปัจจุบันและอนาคต