นางสาวนิชาภา พันทอง” หรือ “น้องเมษา” นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมธุรกิจยานยนต์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล่าว่า ส่วนมากตอนนี้จะอยู่บ้านไม่ออกไปข้างนอกที่มีคนพลุกพล่าน แต่ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องออกไปซื้อของก็จะสวมใส่หน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือ เมื่อกลับเข้ามายังที่บ้านทำการล้างมือด้วยน้ำสบู่ก่อนเสมอ และที่สำคัญอาหารที่รับประทานทุกอย่างจะเน้นเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ตลอดเวลา การใช้ช้อนกลางและไม่รับประทานร่วมกัน พยายามจะไม่กินน้ำแก้วเดียวกันเองภายในบ้าน ถือเป็นอีกวิธีที่ใช้ในการดูแลคนในครอบครัวช่วงโรคระบาดตอนนี้ ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆในประเทศไทย ไม่อยากให้เราทุกคนประมาท
นางสาวนิชาภา ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้ยารักษาโรคยังไม่สามารถคิดค้นผลิตออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยเหตุนี้จึงอยากรณรงค์ให้ทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2563นี้ รัฐบาลจะมีการปลดล็อกหรือลดหย่อนนโยบายทางการออกบางเรื่อง แต่การสวมใส่หน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือ ยังคงอยากให้ประชาชนทุกคนทำอย่างสม่ำเสมอเป็นกิจวัตรประจำวัน
อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ถือเป็นการแบ่งเบาภาระไม่ให้ทำงานหนักงานของเหล่าคณะแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข สิ่งที่อยากให้คนรุ่นใหม่หรือผู้ที่สนใจร่วมการส่งกำลังผ่านโซเชียลช่องทางต่างๆ ได้แก่ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาร์แกรม ไลน์ วีแชต ฯลฯ ให้กับคณะทำงานฝ่ายต่างๆของประเทศไทย มีกำลังกาย กำลังใจต่อสู้เพื่อพวกเราคนไทยทุกคน เพราะคณะทำงานทุกคนต่างเป็นผู้เสียสละทำงาน” นางสาวนิชาภา กล่าว
นอกจากนี้ น้องเมษา ยังให้กำลังใจเจ้าหน้าเก็บขยะทั่วประเทศไทยว่า อยากให้เจ้าหน้าที่เก็บขยะอดทนและสู้ๆ อยากให้พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือทุกครั้งเมื่อทำงานเสร็จ รวมถึงสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านและในเวลาการทำงานเก็บขยะ อีกทั้งในเวลาการทำงานนั้นก็อยากที่จะให้พี่ ๆ ทุกคนสวมใส่ถุงมือยางเพื่อเป็นการป้องกันให้กับตัวเองเวลาที่ไปสัมผัสขยะต่าง ๆ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าขยะที่คนเอามาทิ้งนั้นอาจจะมาจากผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เราคนไทยต้องสามัคคีกันช่วงภาวะวิกฤตแบบนี้ เพื่อจับมือทุกฝ่ายให้ยอดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสมีค่าเป็นศูนย์
