จ.น่าน บูม 'กาแฟ’ สร้างอัตลักษณ์สินค้า เน้นเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพสู่มาตรฐานสากล

อังคาร ๐๘ กันยายน ๒๐๒๐ ๑๓:๑๘
นายพลเชษฐ์ ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณความต้องการใช้เมล็ดกาแฟเฉลี่ย 78,953 ตัน/ปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6.48 เนื่องจากกระแสความนิยมดื่มกาแฟคั่วบด และกาแฟสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยสามารถผลิตได้เพียง 26,161 ตัน/ปี (ร้อยละ 33) โดยในปี 2562 ประเทศไทยส่งออกกาแฟสำเร็จรูปได้เพิ่มขึ้น 22,928 ตัน มูลค่า 2,633 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 11 ของโลก (ข้อมูลจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) “กาแฟ” จึงนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยที่มีอนาคต (Future Crop) โดยเฉพาะจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกาแฟที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากมีสภาพพื้นที่เป็นพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 700 เมตร และอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิ 18-25 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับการเพาะปลูก ที่สำคัญกาแฟน่านมีอัตลักษณ์โดดเด่นเรื่องรสชาติ และความหอม ประกอบกับจังหวัดน่านได้มีแผนพัฒนากาแฟที่มุ่งเน้นส่งเสริมการปลูกกาแฟคุณภาพตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) และยกระดับกาแฟน่านภายใต้ Nan Brand สร้างมูลค่าทางการค้าให้กับจังหวัดในแต่ละปีจำนวนมาก
จ.น่าน บูม 'กาแฟ สร้างอัตลักษณ์สินค้า เน้นเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพสู่มาตรฐานสากล

หากมองถึงสถานการณ์ด้านตลาด ปี 2563 พบว่า แนวโน้มความต้องการเมล็ดกาแฟจังหวัดน่านเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากตลาดในจังหวัดและนอกจังหวัด โดยเฉพาะกาแฟคุณภาพดี ในขณะที่ปริมาณผลผลิตยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในจังหวัด ส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมจำหน่ายผลผลิตในรูปผลสด (เชอร์รี่) โดยร้อยละ 80 รวบรวมผ่านกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นเมล็ดกะลาและสารกาแฟจำหน่ายให้แก่พ่อค้าทั้งในและนอกจังหวัด รองลงมาร้อยละ 15 จำหน่ายให้จุดรับซื้อรายย่อยในพื้นที่ ได้แก่ โรงคั่วกาแฟ และอีกร้อยละ 5 จำหน่ายให้จุดรับซื้อรายใหญ่ในท้องถิ่น เช่น น่านดูโอ้คอฟฟี่ เดอม้ง เป็นต้น เพื่อนำผลผลิตไปแปรรูปเป็นกาแฟกะลา และสารกาแฟ ขายส่งให้กับพ่อค้าหรือตัวแทนภาคเหนือ ภาคกลาง และร้านค้าในจังหวัด ซึ่งปัจจุบันธุรกิจด้านการผลิตเมล็ดกาแฟ และร้านกาแฟ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จังหวัดน่านมีอัตราการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณร้อยละ 10 ต่อปี

ด้านนายบุญลาภ โสวัณณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก (สศท.2) กล่าวเสริมว่า จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดกาแฟ ของ สศท. 2 พบว่า มีเนื้อที่ยืนต้น 12,379 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 9,368 ไร่ ผลผลิตรวม 561 ตัน ผลผลิต (สารกาแฟ) เฉลี่ย 60 กิโลกรัม/ไร่ (ข้อมูลเอกภาพภาคเหนือ ณ 31 กรกฎาคม 2563) แหล่งผลิตสำคัญอยู่ที่อำเภอท่าวังผา สองแคว บ่อเกลือ และเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเกษตรกรจะปลูกแซมในสวนไม้ผล ไม้ยืนต้น และพื้นที่ป่าชุมชนต้นน้ำ ส่วนใหญ่นิยมปลูกกาแฟอาราบิก้าสายพันธุ์เชียงใหม่ 80 รองลงมา กาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ชุมพร 1 และสายพันธุ์อื่น ๆ ด้านต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 6,367 บาท/ไร่ เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในปีที่ 4 ให้ผลผลิตเฉลี่ย (ผลสด) 396 กิโลกรัม/ไร่ ผลตอบแทน 8,712 บาท/ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 2,345 บาท/ไร่ ราคาที่เกษตรขายได้ จำแนกเป็น กาแฟผลสด (เชอร์รี่) เฉลี่ยอยู่ที่ 18-22 บาท/กิโลกรัม กาแฟกะลา 90-105 บาท/กิโลกรัม และกาแฟสาร 150-180 บาท/กิโลกรัม

ทั้งนี้ ในส่วนของการขับเคลื่อนแผนพัฒนากาแฟจังหวัดน่านให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนพัฒนากาแฟแห่งชาติ ปี 2563 - 2573 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรมุ่งเน้นการบริหารจัดการแบบครบวงจรบนพื้นฐานของศักยภาพ และอัตลักษณ์จังหวัด เน้นการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาระบบมาตรฐานการผลิตจากแหล่งผลิตถึงผู้บริโภค เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต และเร่งพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟสู่มาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับแหล่งผลิตสำคัญอื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่จังหวัดน่านควรขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาในระยะต่อไป โดยผลักดันให้ ศูนย์ AIC ของจังหวัด (Agritech and Innovation Center) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงที่เหมาะสม การพัฒนาคุณภาพผลผลิต การแปรรูปกาแฟ Premium และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่หลากหลาย รองรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเกษตร และควรสนับสนุนให้ Service Provider ซึ่งในระยะแรกอาจต้องเป็นภาคเอกชน เข้ามาดำเนินการด้านการแปรรูปกาแฟ เพื่อให้ได้กาแฟคุณภาพดี ตรงกับความต้องการของตลาด Premium รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคนิควิธีการกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชที่ทันสมัย ปลอดภัย การยกระดับแหล่งผลิตกาแฟน่านให้เป็นศูนย์การค้ากาแฟภาคเหนือ และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดน่านให้มีความโดดเด่นในเชิงนิเวศเกษตรต่อไป ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟจังหวัดน่านได้อย่างยั่งยืน สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลการผลิตและการตลาดกาแฟจังหวัดน่าน สามารถสอบถามได้ที่ สศท.2 โทร. 0 5532 2650 และ 0 5532 2658 หรือ อีเมล [email protected]

จ.น่าน บูม 'กาแฟ สร้างอัตลักษณ์สินค้า เน้นเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพสู่มาตรฐานสากล จ.น่าน บูม 'กาแฟ สร้างอัตลักษณ์สินค้า เน้นเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพสู่มาตรฐานสากล จ.น่าน บูม 'กาแฟ สร้างอัตลักษณ์สินค้า เน้นเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพสู่มาตรฐานสากล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4