คุณจางกล่าวว่า อุตสาหกรรมชีวการแพทย์ทางทะเลคือหนึ่งในอุตสาหกรรมเกิดใหม่เชิงยุทธศาสตร์ที่มีอนาคตสดใสที่สุดในจีน โดยในระหว่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 (ปี 2559-2563) มณฑลซานตงได้ยกระดับการวิจัยและพัฒนายาจากทรัพยากรทางทะเล รวมถึงจัดตั้งกองทุน "China Blue Drug Bank Development Fund" มูลค่า 5 พันล้านหยวน และจัดตั้ง Shandong Marine Drugs Manufacturing Industry Innovation Center ตลอดจนสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 6 แห่ง เพื่อพัฒนายาแผนตะวันตกและยาแผนจีนจากทรัพยากรทางทะเล โดย GV971 ยาแผนจีนสำหรับรักษาโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งพัฒนาโดยทีมงานของนักวิชาการชื่อ กวน หัวชี่ ได้รับการอนุมัติให้วางจำหน่ายในตลาด กลายเป็นยาจากทะเลตัวที่ 14 ของโลก และตัวที่ 2 ของจีน นอกจากนี้ เมืองชิงเต่าในมณฑลซานตงยังสร้างฐานอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ชีวภาพจากสาหร่ายทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีกำลังการผลิตสารแอลจิเนตมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่บริษัท Yantai Dongcheng Pharmaceutical Group Co., Ltd. ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบสารคอนดรอยทินซัลเฟตรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตคอนดรอยทินซัลเฟตแบบฉีดรายเดียวในประเทศ
"เราจะพยายามมากขึ้นเป็นเท่าตัวในการพัฒนาอุปกรณ์ที่ทันสมัยและส่งเสริมการพัฒนาทางทะเล เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมทางทะเลให้ก้าวหน้าต่อไป" คุณจางกล่าว พร้อมกับเสริมว่าอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์วิศวกรรมทางทะเลคืออุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ล่าสุดในระบบอุตสาหกรรมทางทะเลของมณฑลซานตง โดยมณฑลซานตงได้เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์วิศวกรรมทางทะเลระดับไฮเอนด์ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากการสร้างฐานการผลิตทางทะเล 3 แห่ง เพื่อรองรับการต่อเรือและซ่อมเรือ อุตสาหกรรมหนักทางทะเล และการผลิตอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง โดยอุปกรณ์ทางทะเลต่าง ๆ ที่มีทรัพย์สินทางปัญญาเป็นของตัวเอง เช่น Jiaolong, Xiangyanghong 01, Kexue, Hailong และ Qianlong ต่างถูกนำไปใช้เพื่อขยายความครอบคลุมของการพัฒนาทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Blue Whale 1 และ Blue Whale 2 ซึ่งเป็นแท่นขุดเจาะแบบลอยตัวกึ่งจมสำหรับใช้ในน้ำลึกมากเป็นพิเศษ ที่ออกแบบและสร้างโดยบริษัท CIMC Raffles ก็ประสบความสำเร็จในการทดสอบผลิตน้ำแข็งที่เผาไหม้ได้ (combustible ice) ในทะเลจีนใต้ ซึ่งส่งผลให้ศักยภาพการสำรวจและพัฒนาน้ำมันและก๊าซในทะเลลึกของจีนก้าวไปสู่ระดับโลก
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการขนส่งทางทะเลยังกลายเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการสร้างระบบอุตสาหกรรมทางทะเลสมัยใหม่ในมณฑลซานตง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางบกและทางทะเลควบคู่กัน และการบูรณาการทรัพยากรท่าเรือชายฝั่ง มณฑลซานตงได้จัดตั้ง Shandong Port Group เพื่อกำหนดรูปแบบการพัฒนากลุ่มท่าเรือชายฝั่ง โดยมีท่าเรือชิงเต่า ท่าเรือเยียนไถ และท่าเรือหรีจ้าวเป็นหลัก และมีท่าเรือเว่ยไห่ ท่าเรือเว่ยฟาง ท่าเรือตงหยิง ท่าเรือปินโจว และท่าเรือสำคัญอีกหลายแห่งเป็นกำลังเสริม เพื่อเปิดรับการเดินเรือจากท่าเรือกว่า 700 แห่ง ในกว่า 180 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ในปี 2562 ปริมาณสินค้าผ่านท่าเรือของมณฑลซานตงอยู่ที่ 1.61 พันล้านตัน และปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าเรืออยู่ที่ 31 ล้าน TEU ซึ่งทั้งสองรวมกันแล้วมากเป็นอันดับสองในบรรดามณฑลริมชายฝั่งของจีน นอกจากนี้ ท่าเรือชิงเต่ายังสร้างเทอร์มินอลอัตโนมัติเต็มรูปแบบระดับโลกเฟส 1 และ 2 เสร็จเรียบร้อยและเริ่มดำเนินงานแล้ว ขณะเดียวกัน ท่าเรือชิงเต่ายังคว้ารางวัลอันทรงเกียรติ "National Green Port" และ "2019 Asia Pacific Green Port" ไปครองด้วย
ที่มา: สำนักสารสนเทศรัฐบาลมณฑลซานตง
AsiaNet 87159