นางสาวราณี สิทธิแก้ว ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายขาย และการตลาดผลิตภัณฑ์ซีเคียวริตี้ โซลูชั่น บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ ( ประเทศไทย ) จำกัด เปิดเผยว่า เราต้องการตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าให้ได้ โดยนอกจากเราจะมีสินค้า และนวัตกรรมใหม่ๆ แล้ว เรายังคงเน้นถึงความสำคัญของการบริการหลังการขาย โดยเฉพาะการรับประกันสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่ตลาดจะรับประกันสูงสุดเพียง 3 ปี เพราะมักจะเป็นช่วงเวลาสุดท้าย ก่อนที่เครื่องส่วนใหญ่จะเริ่มมีปัญหา โดยเฉพาะหน่วยงานราชการ หรือบริษัทเอกชนต่างๆ ที่มักจะคิดค่าเสื่อมราคาของสินค้าประเภทนี้กันที่ 5 ปี อีกทั้งตัวแทนจำหน่าย หรือลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบสินค้าทั้งค่าแรงตรวจเช็ค ค่าซ่อม และค่าอะไหล่อีก 2 ปีที่เหลือด้วยตนเอง จึงทำให้มีต้นทุนทางธุรกิจที่สูงขึ้น พานาโซนิค จึงเริ่มแคมเปญรับประกันสินค้า 5 ปีเต็ม ทั้งในส่วนของค่าแรง ค่าซ่อม และค่าอะไหล่เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า และตัวแทนจำหน่ายทั้งหมดของบริษัท รวมถึงเป็นการตอกย้ำถึงความมั่นใจในคุณภาพสินค้าของ พานาโซนิคอีกด้วย
"ส่วนภาพรวมของตลาดกล้องวงจรปิดในปีนี้ยังคงมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะกลยุทธ์ทางด้านราคา ซึ่งสินค้าของพานาโซนิคเองนั้นถือได้ว่าเราเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ประกอบกับมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมตอบรับทุกความต้องการได้อย่างครบวงจร ดังนั้นเราจึงไม่เน้นการแข่งขันทางด้านราคาเป็นประเด็นสำคัญไปมากกว่าการแสดงออกถึงศักยภาพของตัวสินค้าให้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการเลือกใช้สินค้าของเรา เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นแนวทางที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ โดยแคมเปญ รับประกันสินค้า 5 ปีเต็ม นี้ จะเริ่มใช้กับสินค้าในหมวด I-Pro ทั้งหมด รวมถึง I-Pro Extreme ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ล่าสุด ที่จะเริ่มทำการตลาดอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนนี้ ปัจจุบัน พานาโซนิค มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์จากมูลค่ารวมของตลาดที่ 3,500 ล้านบาท คาดว่าจากแคมเปญ และสินค้าใหม่นี้ จะทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 3-5 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้ เพื่อเป็นการรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ของเมืองไทยสำหรับสินค้าระบบรักษาความปลอดภัยในกลุ่มงานโครงการใหญ่ๆ ระดับประเทศ" นางสาวราณี กล่าว
สำหรับ I-Pro Extreme เป็นกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ล่าสุดของ พานาโซนิค ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลแบบ H.265 และออกแบบให้มีระบบรักษาความปลอดภัย ( Data Security ) ซึ่งจะมาตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการนำไปใช้งาน ท่ามกลางสภาพแวดล้อม และภูมิอากาศที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในการเฝ้าระวังพื้นที่สาธารณะ พื้นที่เสี่ยงภัยต่างๆ หรือพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย หรือแม้แต่หน่วยงานที่มีความต้องการใช้กล้องวงจรปิดเป็นจำนวนมาก และต้องการเก็บข้อมูลไว้ใช้งานได้ยาวนาน เช่น ธนาคาร หน่วยงานราชการต่างๆ บริษัทเอกชน เป็นต้น
ทั้งนี้ I-Pro Extreme มีทั้งหมด 20 รุ่น ราคาจัดจำหน่ายเริ่มต้นที่ 12,000 – 200,000 บาท