"ความต้องการพาวเวอร์เซมิคอนดักเตอร์พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะ Infineon ซึ่งเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากเป็นพิเศษ และมีการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าตลาด" Dr. Reinhard Ploss ประธานกรรมการบริหารของ Infineon กล่าว "การเติบโตดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากร และการที่เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์เชื่อมต่อและอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ ตลอดจนศูนย์ข้อมูล หรือการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งทรัพยากรหมุนเวียน ต่างก็ต้องการพาวเวอร์เซมิคอนดักเตอร์ที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ โรงงานแห่งใหม่ที่ฟิลลาคจะช่วยให้เราสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ตอบรับความคาดหวังของลูกค้า และเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางความสำเร็จในทศวรรษที่กำลังจะมาถึง"
ฟิลลาคเป็นศูนย์กลางของ Infineon ในด้านพาวเวอร์เซมิคอนดักเตอร์ และเป็นสถานที่ที่บริษัทได้พัฒนาการผลิตแผ่นเวเฟอร์ขนาด 300 มิลลิเมตร แผ่นเวเฟอร์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ขึ้นจะช่วยเพิ่มผลิตภาพอย่างมีนัยสำคัญ และลดเงินทุนหมุนเวียน โดย Infineon จะนำแนวคิดเรื่องระบบการผลิตอัตโนมัติและเทคโนโลยีดิจิทัลจากโรงงานในเมืองเดรสเดน มาประยุกต์ใช้กับโรงงานแห่งใหม่ในฟิลลาค ทั้งนี้ เดรสเดนเป็นสถานที่ผลิตเวเฟอร์ (frontend) ขนาดใหญ่ที่สุดของ Infineon โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตชิปขนาด 300 มิลลิเมตรได้อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2564
ข้อมูลจากกลุ่มนักวิจัยตลาดของ IHS Markit เผยว่า Infineon เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายพาวเวอร์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 18.5%* ทั้งนี้ ชิปประหยัดพลังงานจะช่วยควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าในการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า รถไฟ โรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนแหล่งจ่ายไฟสำหรับโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก และศูนย์ข้อมูล
* ข้อมูลจาก IHS Markit, Technology Group, "Power Semiconductor Annual Market Share Report, August 2017" โปรดทราบว่าข้อมูลนี้ไม่ได้เป็นการรับรอง Infineon Technologies AG บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเชื่อถือข้อมูลดังกล่าวของท่าน โดยถือว่าท่านต้องรับความเสี่ยงแต่เพียงผู้เดียว สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://technology.ihs.com