ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากการจัดแข่งขันแฮคกาธอนครั้งยิ่งใหญ่ "Startup Battleground" โดยสำนักงานดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (depa) ร่วมกับบริษัท ฮับบา จำกัด (HUBBA Thailand) และเทคสตาร์ส (Techstars) แอคเซอเลอเรเตอร์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นการแข่งระดมไอเดียสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ใน 10 หัวข้อ ต่อยอด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ผลปรากฏว่าในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ เป็นสุดยอดของทั้ง 10 หัวข้อ รับรางวัลรวมกว่า 6 แสนบาท คือทีมสตาร์ทอัพสาย Green Tech "Eat'em all" ซึ่งเป็นการรวมตัวของทีมนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
"ปัจจุบัน กระทรวงกำลังอยู่ระหว่างวางแผนสร้างสตาร์ทอัพ อีโคซิสเท็ม ระดับชาติ โดยได้มองหาผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนในแขนงต่างๆ ที่อาจจะกลายเป็นแมวมองสนใจลงทุนในผลงานดีๆ ของสตาร์ทอัพหน้าใหม่ หวังว่าการแข่งขันครั้งนี้จะช่วยเป็นก้าวหนึ่งให้สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมแข่งขันได้รับโอกาสและเรียนรู้ สามารถพัฒนาจนกลายเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นได้ในอนาคต" ดร.พิเชฐ กล่าว
ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า ดีป้ามีมาตรการสนับสนุนที่จะส่งเสริมการพัฒนาไอเดียดี ๆ จากการแข่งขันครั้งนี้ให้เกิดเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ และพร้อมจะผลักดันด้วยโปรแกรมต่างๆ ของดีป้าอย่างดีป้า ฟันด์และเครือข่ายในสตาร์ทอัพ อีโคซิสเท็ม เพื่อพัฒนาธุรกิจ และเชื่อมโยงกับนักลงทุน ให้สตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนโดยดีป้าสามารถเติบโต ขยายตลาดไปต่างประเทศได้ เพราะจากผลงานที่เห็นอยู่นี้ เชื่อมั่นว่า สตาร์ทอัพไทยมีไอเดียและฝีมือไม่แพ้ชาติอื่นเลย
สำหรับการแข่งขัน Startup Battleground เป็นการแข่งขันแฮคกาธอนที่เปิดรับผู้สมัครเป็นสตาร์ทอัพระดับตั้งไข่ (Seed Stage) มีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้นกว่า 500 คน ใน 10 หัวข้อที่จะมาต่อยอดกับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย มีการจัดอบรมผู้เข้าแข่งขันอย่างเข้มข้น โดยวิทยากรที่คร่ำหวอดในวงการสตาร์ทอัพทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และมีการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันสุดท้ายของงานดิจิทัล ไทยแลนด์ บิ๊กแบง 2018 ผู้ชนะสูงสุดในการแข่งขัน (Winner) จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 5 แสนบาท พร้อมตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และสิทธิ์เข้าร่วมงาน Rakuten Accelerator ที่ประเทศสิงคโปร์ ผู้ชนะในแต่ละหัวข้อ (Track Master) จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท รวมมูลค่าเงินรางวัลกว่า 1.5 ล้านบาท
ด้านนายพศิน โอภาสพิไล ผู้ร่วมก่อตั้ง Eat'em all และนิสิตชั้นปีที่ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ทีมเป็นสตาร์ทอัพระดับตั้งไข่ (Seed Stage) ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของนิสิต 2 คณะ ได้แก่ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พัฒนานวัตกรรมขึ้นภายใต้ชื่อ Eat'em all เป็นแพลทฟอร์มสำหรับซื้อขายอาหารส่วนเกินในราคาส่วนลด มุ่งเน้นจะช่วยเพิ่มกำไรให้กับร้านค้าพร้อมทั้งลดปัญหาอาหารเหลือทิ้งในร้านอาหาร
"ทีมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ เพราะจุดมุ่งหมายที่สมัครเข้ามาตอนแรก คือต้องการเข้าร่วมเพื่อเป็นประสบการณ์เท่านั้น จึงอยากฝากให้สตาร์ทอัพที่ยังไม่เคยเข้าร่วมแข่งขัน ลองหาโอกาสและประสบการณ์ดีๆ เช่น Startup Battleground ดู และไม่ต้องกลัวความล้มเหลว เพราะตัวทีมเองก็ไม่ได้เพิ่งทำ Eat'em all เป็นโปรเจ็คท์แรก" นายพศิน กล่าว
ปัจจุบัน แพลทฟอร์ม Eat'em all ให้บริการอยู่บนช่องทาง LINE BOT มาแล้วประมาณ 1 เดือน มีผู้ใช้บริการเป็นประจำในแต่ละสัปดาห์ (Weekly Active Users) อยู่ที่ประมาณ 900 คน เชื่อมต่อกับร้านค้าอีก 15 ร้านค้า หลังจากได้รับเงินรางวัลรวมกว่า 6 แสนบาทในครั้งนี้ จะนำไปต่อยอดพัฒนา Eat'em all ให้เป็นแอปพลิเคชั่น พร้อมทั้งพัฒนาหรือเชื่อมโยงให้มีระบบขนส่งสินค้า (Delivery) ขยายประเภทร้านอาหาร จากเดิมที่เป็นร้านอาหารประเภทเบเกอรี่เป็นหลัก สู่ร้านอาหารประเภทอื่นๆ รวมถึงขยายฐานผู้ใช้ให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสตาร์ทอัพที่คว้ารางวัลในแต่ละหัวข้อการแข่งขัน และรับเงินรางวัล 1 แสนบาท ได้แก่
1.Homeprise (Living Tech)
2.Tomoko (Food Tech)
3.Agency (HR Tech)
4.Codekit (Ed Tech)
5.Sharmble (HealthTech)
6.Imagine Innovation (e-Commerce)
7.Eat'em all (Green Tech)
8.LILUNA (Software as a Service /SaaS)
9.AGROOO! (Agri Tech)
10.Halahub (Travel Tech)