เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าในการประมวลผล
ปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดความต้องการเอดจ์ คอมพิวติ้ง คือผู้บริโภคไม่อดทนกับเรื่องความล่าช้า หรือ latency ดังนั้นการเข้าถึงข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ การตัดสินใจสำคัญหลายอย่างในธุรกิจและการตัดสินใจของผู้บริโภค ล้วนขึ้นอยู่กับความคล่องตัวในการเรียกใช้ข้อมูลได้ทันใจในแบบเรียลไทม์ ถ้าเรามองที่เศรษฐกิจอี-คอมเมิร์ซ หากโมบายเว็บไซต์ไม่สามารถโหลดเสร็จภายใน 3 วินาที ก็จะทำให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมไม่สนใจไซต์นั้นไปเลย และหากการทำธุรกรรมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในเสี้ยววินาที เงินก็จะไม่มีการเปลี่ยนมือ และผู้ขายเองก็เสี่ยงที่จะเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งได้
ความต้องการด้านการบริการต่างๆ ที่ต้องอาศัยเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่นโมบาย มันนี่ แอปฯ ที่ให้ประสิทธิภาพการใช้งานได้ ณ สถานที่นั้นๆ ลูกค้าก็ได้รับประสบการณ์โดยรวมที่ดีขึ้น หรือการทำวิดีโอสตรีมมิ่ง การใช้ประโยชน์ของ smart mirror AR ที่เลือกเปลี่ยนแบบชุดได้จากหน้าจอ ยานยนต์แบบไร้คนขับ เทคโนโลยีเหล่านี้ ล้วนต้องอาศัยเอดจ์ คอมพิวติ้ง ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแน่นอนว่าการป้องกันอุบัติเหตุและความปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับยานยนต์ไร้คนขับ ดังนั้นการส่งข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์จากรถยนต์ไปยังเอดจ์ ไปยังดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาค ไปที่คลาวด์ และส่งกลับมาอีกครั้งที่รถยนต์เพื่อตอบสนองต่อคำสั่งการ จะช่วยผลักดันให้เกิดความต้องการใช้ระบบโครงสร้างเอดจ์อย่างมหาศาลซึ่งสามารถแคช (cache) ข้อมูลขนาดใหญ่พักไว้ในระบบ พร้อมทั้งนำมาประมวลผลและวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว
ปัญญาประดิษฐ์มีอยู่ทุกที่
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นที่พูดถึงกันเป็นอันดับต้นๆ ในวงการเทคโนโลยีมาตั้งแต่ปี 2018 และการสนทนาเรื่องนี้ยังคงขยายวงกว้างออกไปในปี 2019 นั่นเป็นเพราะว่าในแวดวงธุรกิจหรือกระทั่งที่บ้านก็ตาม ทั้งเวิร์กโหลดและแอปฯ ที่ต้องใช้ข้อมูลอย่างจริงจัง ซึ่งให้ศักยภาพการทำงานผ่านเครือข่ายเอดจ์ใหม่ ล้วนต้องอาศัย AI เช่นกัน โดย AI จะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และแปลข้อมูลจากแอปฯ ต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้คน (และในบางกรณียังรวมถึงจักรกลอื่นๆ) สามารถตัดสินใจและตอบรับกับสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ ปี 2019 ยังเป็นปีแห่งการเฟ้นหาผู้มีความสามารถพิเศษเพื่อสร้างแอปพลิเคชันใหม่ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ความต้องการใช้งานจริง ซึ่งจะต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา
AI จะช่วยเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ประสิทธิภาพการทำงานและระยะเวลาในการตอบสนองการใช้งาน หรือ response times ซึ่งจะแยกจากงานหนักในส่วนโมเดลการฝึกฝนของ AI ที่เป็นสเกลใหญ่ ซึ่งต้องทำผ่านดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีศูนย์กลางอยู่บนคลาวด์ โดยสำหรับเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีการมอนิเตอร์อยู่ตลอด จะเกาะติดกิจกรรมที่มีความผิดปกติ โดยอาศัยการเรียนรู้ของ AI ว่าระบบไหนมีพฤติกรรมการทำงานอย่างไร โดยในทางกลับกันก็จะช่วยขับเคลื่อนในเรื่องของการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และการบำรุงรักษาระบบงานในเชิงรุกตามเงื่อนไขการทำงาน การเรียนรู้ในระดับของจักรกลจะช่วยให้บริหารจัดการได้อย่างเรียบง่าย ช่วยลดเวลา และลดการใช้ทรัพยากรสำหรับกิจกรรมที่เพิ่มคุณค่าทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
สร้างสมดุลให้กับงานและการใช้ชีวิต
AI และ เอดจ์ คอมพิวติ้ง จะเอื้อประโยชน์อย่างมหาศาลนับตั้งแต่สำหรับปี 2019 เป็นต้นไป โดยจะมอบการวิเคราะห์ได้มากขึ้นและมอบความสามารถในการ "มองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น" ศักยภาพเหล่านี้จะช่วยจัดสมดุลให้กับชีวิตเราได้ทั้งเรื่องความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น
แต่การสร้างสมดุลที่ถูกต้อง ต้องอาศัยทัศนคติที่ให้ความสำคัญเรื่องของคนมาเป็นอันดับแรก ปัญหาใหญ่ทางสังคม เช่น สมดุลในการใช้ชีวิตกับการทำงาน ไม่เคยแก้ได้ง่ายๆ แม้ว่าเทคโนโลยี IT จะให้ประโยชน์ก็ตาม แต่ หลักสถิติ ก็ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่นำไปสู่ความเครียดมากขึ้น มีเวลาอยู่กับครอบครัวน้อยลง และส่งผลกระทบในทางลบทั้งเรื่องงานและสัมพันธภาพอันเป็นสาเหตุมาจากการที่ต้องเกาะติดกับการสื่อสารตลอดเวลา
ในโลกที่ซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน...ปี 2019 เป็นปีที่เราต้องพิจารณาลำดับขั้นความสำคัญของสิ่งต่างๆ ที่ช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดีทั้งเรื่องของประสิทธิภาพและศักยภาพได้อย่างทัดเทียม ตัวอย่างของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ มีการจำกัดการใช้อีเมลนอกสถานที่ทำงาน ให้ความสำคัญกับวันของครอบครัว สอนเรื่องของสติและการดูแลสุขภาพที่ดี ซึ่งเรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากขึ้น เพราะเครื่องมือในการบริหารจัดการซอฟต์แวร์ กำลังช่วยให้มืออาชีพด้านไอที สร้างสมดุลของการใช้ชีวิตและการทำงานได้ดีขึ้น โดยช่วยให้จัดลำดับความสำคัญของข้อมูลที่จำเป็นต่อธุรกิจได้
โดยในปี 2019 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะนำเทคโนโลยีด้านเอดจ์ คอมพิวติ้ง จัดแสดงในอีเว้นท์ใหญ่ ในประเทศไทย ตลอดทั้งปี เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจด้านเทคโนโลยีดังกล่าวมากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการแข่งขันของภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม ซึ่งในวันที่ 6 มีนาคมนี้ จะมีร่วมกับ CISCO เพื่อเผยศักยภาพของเอดจ์ในการต่อยอดธุรกิจ ในงาน Cisco Connect 2019 ณ เซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ และงาน IEEE PES GTD ASIA ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับโลก ด้านพลังงานทดแทน ระบบการผลิต ระบบจัดจำหน่าย ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 21 – 23 มีนาคม ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติไบเทคบางนา บูธ U9 และงานอื่นๆ อีกหลายงานตลอดปี 2019 นี้ # # #
เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น ตั้งแต่ บ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยการยืนหยัดอยู่ในเวทีระดับโลกในกว่า 100 ประเทศ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้นำที่โดดเด่นในด้านการจัดการพลังงาน ทั้งแรงดันไฟฟ้าขนาดกลาง-ต่ำ และระบบสำรองไฟฟ้า รวมถึงระบบออโตเมชั่นต่างๆ เรานำเสนอโซลูชั่นแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการผสานการทำงานร่วมกันทั้งในส่วนของพลังงาน ระบบออโตเมชั่น และซอฟต์แวร์ เรามีระบบนิเวศทั่วโลก ซึ่งเป็นการประสานความร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด รวมถึงชุมชนนักพัฒนาและผู้วางระบบบนแพลตฟอร์มเปิด เพื่อมอบประสิทธิภาพด้านการดำเนินงาน และการควบคุมในแบบเรียลไทม์ เราเชื่อว่าด้วยผู้คนที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ และพันธมิตรของเรา จะช่วยให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริคเป็นบริษัทที่เยี่ยมยอด พร้อมกับคำมั่นสัญญาของเราที่มุ่งมั่นในเรื่องการสร้างนวัตกรรม ความหลากหลาย และความยั่งยืนช่วยให้ทุกคนมั่นใจได้ว่า "Life is On" ในทุกที่สำหรับทุกคน และทุกช่วงเวลา www.schneider-electric.co.th