โดยเอไอเอสได้เตรียมองค์ความรู้พื้นฐานแบบครบวงจร ตั้งแต่โครงสร้างการทำงานของเทคโนโลยี 5G, อุปกรณ์โครงข่าย, อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณ, ดีไวซ์, 5G SIM Card สำหรับเชื่อมต่อเพื่อทดสอบ Use case ต่างๆ บนเครือข่าย 5G พร้อมทั้งการ work shop เพื่อพัฒนาความรู้ ความชำนาญในทางเทคนิค รวมไปถึงร่วม Co-Develop บริการต้นแบบบน 5G เป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเข้าถึงเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างทั่วถึง ทำให้ทุกภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ประชาชน และผู้เกี่ยวข้องใน 5G Ecosystem ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เห็นภาพของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5G มาถึง และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับภูมิภาค
"เพราะ 5G คือเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะร่วมขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากคุณสมบัติ 3 ส่วน คือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้น, ขีดความสามารถการเชื่อมต่อ IoT และ เครือข่ายที่ตอบสนองได้รวดเร็วและเสถียร อีกทั้งยังมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการพัฒนานวัตกรรม เพื่อให้แน่ใจว่า Ecosystem มีความพร้อมในเวลาที่เหมาะสม เพื่อผลักดันธุรกิจและ use case ใหม่ๆ ในระหว่างนี้ AIS และพาร์ทเนอร์ จึงร่วมกับภาครัฐในการเตรียมความพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของประเทศอย่างดีที่สุดแน่นอน โดยเราวางแผนขยายการทดสอบ 5G ไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และดำเนินการใกล้สำเร็จครบทุกภาคแล้ว สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือเป็นดินแดนเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเรื่องเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม แต่ยังมีแนวโน้มการเติบโตด้านดิจิทัลตามไปด้วย โดยในภาคธุรกิจมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริมศักยภาพฐานการผลิตใหม่ๆ ตลอดจน ภาคการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการสร้างองค์ความรู้และทักษะด้านดิจิทัลให้กับทรัพยากรบุคคล รวมถึงการเป็นประตูหน้าด่านสู่ขุมทรัพย์ทางการค้าการลงทุนระหว่างไทย- สปป.ลาว และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้น การที่เอไอเอสนำเทคโนโลยี 5G มาสู่เมืองโคราชและภาคอีสาน จะเป็นการติดอาวุธด้านเทคโนโลยีให้กับชาวอีสาน ช่วยสร้างเสริมองค์ความรู้ ขยายขีดความสามารถในการสร้างสรรรค์นวัตกรรมให้สอดคล้องกับภูมิภาค นำมาซึ่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน" นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ