Mellanox Technologies นำเสนอโซลูชั่นระบบความปลอดภัยอนาคต

จันทร์ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ ๑๕:๑๘
Mellanox Technologies เมลลาน็อกซ์ เทคโนโลยีส์ผู้นำด้านโซลูชั่นอัจฉริยะประสิทธิภาพสูงแบบ End-to-End สำหรับการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจในศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ประกาศเปิดตัวหลักสูตรการเรียนรู้ในประเทศไทยภายใต้ชื่อ "What Just Happened" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ให้แก่ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลและจัดการระบบเครือข่ายในประเทศไทยได้มีความเข้าใจ และสามารถระบุชี้ปัญหาในการทำงานของระบบเครือข่าย หรือแอพพลิเคชั่นได้ก่อนส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานในองค์กร ทั้งนี้ เมลลาน็อกซ์ เทคโนโลยีส์ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขึ้นที่โรงแรมไอบิสสไตล์บางกอกรัชดา โดยร่วมมือกับ Agile Distribution (Thailand) ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (VAR) ของเมลลาน็อกซ์ในประเทศไทย โดยได้รับความสนใจจากตัวแทนจากหลายภาคส่วนอุตสาหกรรมในประเทศไทยเข้าร่วมสัมมนา

โซลูชั่นการเชื่อมต่ออัจฉริยะของเมลลาน็อกซ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูลด้วยการรองรับปริมาณงานสูงสุด ลดความหน่วงแฝง เพิ่มความเร็วการส่งข้อมูลสื่อสารกับแอพพลิเคชั่น ปลดล็อคประสิทธิภาพให้ระบบ และยกระดับความปลอดภัย ทั้งนี้เมลลาน็อกซ์เสนอทางเลือกที่ครอบคลุมการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นนระบบเครือข่าย ระบบประมวลผลหลายแกน เน็ตเวิร์ดอะแดปเตอร์ อุปกรณ์สวิตช์ สายเคเบิ้ล ไปจนถึงซอฟท์แวร์และระบบซิลิคอน เพื่อช่วยเร่งการทำงานของแอพพลิเคชั่นและผลลัพธ์ธุรกิจที่แตกต่างกัน รวมถึงคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (HPC) ศูนย์ข้อมูล ระบบคลาวด์ ระบบสตอเรจ ระบบความปลอดภัยไซเบอร์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และบริการการเงิน

อีกทั้ง ภายใต้สถานการณ์ที่ระบบเครือข่ายล่ม หรือทำงานช้าลง เมลลาน็อกซ์มีโซลูชั่นให้ผู้ดูแลและผู้จัดการระบบเครือข่ายตรวจสอบกิจกรรมเครือข่าย และวัดการตอบสนองของแอพพลิเคชั่น เพื่อระบุจุดและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาต่อระบบเครือข่ายหรือแอพพลิเคชั่นได้ก่อนส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั้งองค์กร โซลูชันที่ทำงานเฝ้าระวังและสอดส่องระบบเครือข่ายแบบเรียลไทม์จะสนับสนุนข้อมูลต่างๆ ให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายในการวิเคราะห์ว่า "เกิดอะไรขึ้นกับเครือข่าย" และสามารถอธิบายต่อผู้ใช้และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลกระทบได้ทันที ไม่เสียเวลาในการตรวจสอบเหมือนในอดีต

สำหรับหลักสูตรการอบรมในครั้งนี้ นอกจากฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการระบุปัญหาเครือข่ายหรือการทำงานแอพพลิเคชั่นแล้ว ยังนำเสนอทิศทางแนวโน้มของการใช้งานศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความทันสมัย และแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ จากลูกค้า รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบระยะไกล (telemetry) ในการจัดการระบบเครือข่ายอัตโนมัติยุคใหม่ และยังได้นำเสนอเทคโนโลยีระดับผู้นำของเมลลาน็อกซ์ในอุปกรณ์ที่เรียกว่า SmartNIC (NIC คือ การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย ซึ่งทำหน้าที่ลดภาระการทำงานของระบบประมวลผลหลัก) และนำเสนอการออกแบบสถาปัตยกรรมระบบเครือข่าย

"ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับเมลลาน็อกซ์ นับเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในระดับภูมิภาคและระดับโลกของบริษัท ดังจะสะท้อนให้เห็นในความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทที่จะเพิ่มการลงทุนที่นี่ ซึ่งเมลลาน็อกซ์ตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นส่วนหนึ่ง และนำความเชี่ยวชาญและความรู้ของเรามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ศูนย์ข้อมูลของลูกค้า และยังทำให้คู่ค้าในประเทศไทยของเมลลาน็อกซ์เติบโตไปพร้อมกัน" มร. ชาร์ลี ฟู รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เมลลาน็อกซ์กล่าวและได้เสริมว่า "การถือกำเนิดของนวัตกรรมใหม่ เช่น 5G, ระบบออโตเมชั่น, การเรียนรู้ด้วยตัวเองของคอมพิวเตอร์ (machine learning) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ล้วนเป็นความท้าทายในการออกแบบระบบเครือข่ายและประสิทธิภาพการทำงานของระบบคลาวด์อย่างไม่ต้องสงสัย เมลลาน็อกซ์จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในไทยเพื่อให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลรุ่นต่อไป เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และปลดล็อกเพื่อก้าวออกสู่โอกาสใหม่ๆ ไปกับลูกค้าของพวกเขา"

ข้อมูลของไอดีซีระบุว่าภายในปีพ.ศ. 2565 ร้อยละ 61ของ GDP ของประเทศไทยจะถูกทำให้เป็นดิจิทัล ทุกอุตสาหกรรมจะมีการเติบโตอันมาจากแรงขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับการส่งเสริมทางดิจิทัล, การดำเนินการและปฎิสัมพันธ์ สร้างให้เกิดตัวเลขการใช้จ่ายสินค้ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับไอทีถึง 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปีพ.ศ. 2562-2565 โดยคาดการณ์ว่าในปีพ.ศ. 2565 นั้น ร้อยละ 60 ของรายจ่ายด้านไอทีจะถูกใช้จ่ายไปกับเทคโนโลยีที่อยู่บนแพลตฟอร์มยุคที่ 3 นี้ โดยที่มากกว่าร้อยละ 30 ขององค์กรทั้งหมดจะเดินหน้าสร้างสิ่งที่เรียกว่า "Digital-native" ให้กับระบบไอทีให้พร้อมรับการระบบเศรษฐกิจยุคดิจิทัล และในบริบทที่สอดคล้องกันจะมีองค์กรในไทยอีกราวร้อยละ 20 ที่ยังคงมีการใช้งานระบบคลาวด์จะรวมเทคโนโลยีอย่าง Edge Computing เข้าไว้ด้วย อีกร้อยละ 25 ที่ใช้งานอุปกรณ์ปลายทาง (endpoint devices) และระบบจะต้องหันมารองรับการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาใช้งาน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๓๙ สมาคมธนาคารไทย ออกแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคลและSME
๑๔:๐๒ ผู้ลงทุนเชื่อมั่น โลตัส (Lotus's) จองซื้อหุ้นกู้เต็มจำนวน 9 พันล้านบาท
๑๔:๑๕ สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า รูดช้อปรับคุ้ม! รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5%
๑๔:๔๘ MASTER ประชุมผู้ถือหุ้นปี 67 ผ่านฉลุย ไฟเขียวจ่ายปันผล เดินหน้าสร้างโอกาสโตตามกลยุทธ์ MP
๑๔:๔๓ ธนาคารกรุงเทพ จับมือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนาม MOU ส่งเสริมการผลิตบุคลากร-พัฒนาศักยภาพ-ถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีดิจิทัล
๑๔:๒๐ ITEL จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. เห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผลอัตรา 0.0696 บ./หุ้น
๑๔:๒๙ ไทยพาณิชย์ ตอกย้ำกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch เปิดตัว โปรจีน อาฒยา นักกอล์ฟหญิงระดับโลก เป็น Brand
๑๔:๓๐ KCG จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 พร้อมอนุมัติจ่ายปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น
๑๔:๔๙ บาฟส์ ประกาศความสำเร็จ ลุยขยายโครงข่ายขนส่งน้ำมันทางท่อ เชื่อมต่อเครือข่ายพลังงานทั่วไทย
๑๔:๓๙ บีโอไอจับมือพันธมิตร จัดงาน SUBCON Thailand 2024