เปิดตัว "Amazfit GTR 2" และ "Amazfit GTS 2" สมาร์ทวอทช์เพื่อไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง แมทช์กับทุกลุค พร้อมฟีเจอร์ดูแลสุขภาพรอบด้าน

พุธ ๒๘ ตุลาคม ๒๐๒๐ ๐๘:๕๐
เปิดตัว Amazfit GTR 2 และ Amazfit GTS 2 สมาร์ทวอทช์เพื่อไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง แมทช์กับทุกลุค พร้อมฟีเจอร์ดูแลสุขภาพรอบด้าน

ระบบสั่งการด้วยเสียง + Amazon Alexa ที่ติดตั้งในตัว [1] ช่วยให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสนุกสนานขึ้น

Amazfit เปิดตัวสมาร์ทวอทช์สองรุ่นใหม่ล่าสุดจากกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่สายแฟชั่น โดย Amazfit GTR 2 ที่ผสานดีไซน์นาฬิกาทั่วไปกับฟีเจอร์ดูแลสุขภาพครบวงจร จะเปิดตัวในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาในวันที่ 30 ตุลาคม ส่วนสมาร์ทวอทช์ดีไซน์สุดล้ำ Amazfit GTS 2 จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาวันที่ 1 พฤศจิกายน ต่อด้วยสหราชอาณาจักรในวันที่ 15 พฤศจิกายน

ดีไซน์สวยหรูพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ

Amazfit GTR 2 มาพร้อมลุคคลาสสิก โดยมีตัวเรือนให้เลือกทั้งแบบสเตนเลสสตีลและอลูมินัมอัลลอยสีดำ หน้าปัดเป็นจอ AMOLED ทรงกลมขนาด 1.39 นิ้ว ใช้กระจกโค้ง 3D ที่ใสและอ่านหน้าจอได้ชัดเจน ส่วน Amazfit GTS 2 มีรูปทรงเพรียวบาง มาพร้อมจอ AMOLED ทรงสี่เหลี่ยมขนาด 1.65 นิ้ว และมีตัวเรือนอลูมินัมอัลลอยให้เลือกหลายสี ได้แก่ Midnight Black, Desert Gold และ Urban Grey พร้อมสายที่เข้ากัน

จอของสมาร์ทวอทช์ทั้งสองรุ่นทำจากกระจก 3D Corning Gorilla Glass เคลือบกันรอยนิ้วมือและเคลือบฟิล์ม optical Diamond-like Carbon (oDLC) ทำให้จอแข็งแรง ต้านทานรอยขีดข่วนได้มากขึ้น และไม่สกปรกง่าย นอกจากนี้ จอที่หมุนได้รอบยังช่วยให้ใช้งานได้สะดวกสบายทั้งสำหรับคนถนัดซ้ายและถนัดขวา

ฟีเจอร์ดูแลสุขภาพรอบด้าน [2]

Amazfit GTR 2 และ Amazfit GTS 2 มาพร้อมเซ็นเซอร์ BioTracker(TM) 2 PPG ที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างแม่นยำต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก โซนอัตราการเต้นของหัวใจ และแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่เข้าใจสุขภาพหัวใจของตนเองมากขึ้น

นอกจากนี้ BioTracker(TM) 2 PPG ยังรองรับระบบ OxygenBeats(TM) [3] ซึ่งสามารถวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้ เมื่อผู้สวมใส่ทำงานที่ต้องใช้สมองหรือทำกิจกรรมทางกายนาน ๆ เช่น วิ่งมาราธอนหรือเล่นกีฬาอย่างหักโหมแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี ก็สามารถวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดเพื่อทำความเข้าใจสภาพร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว และดูแลสุขภาพด้วยมือของตัวเอง

ระบบตรวจสอบคุณภาพการนอน [4] ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถติดตามการนอนและเข้าใจรูปแบบการนอนของตนเองได้อย่างง่ายดาย นำไปสู่การยกระดับคุณภาพการนอนในที่สุด เมื่อเชื่อมต่อกับแอป ผู้สวมใส่สามารถวัดระยะเวลานอนทั้งหมด ทั้งช่วงหลับไม่สนิท ช่วงหลับลึก และช่วงหลับที่มีการกลอกตาอย่างรวดเร็ว (REM) หรือแม้แต่ช่วงนอนกลางวัน [5]

สมาร์ทวอทช์ทั้งสองรุ่นมีระบบประเมินสุขภาพ PAI(TM) สุดล้ำ [6] ที่แปลงข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ กิจกรรมทางกาย และข้อมูลสุขภาพอื่น ๆ เป็นคะแนน PAI ช่วยให้ผู้สวมใส่เข้าใจสุขภาวะทางกายของตนเองได้ทันที

สมาร์ทวอทช์ทั้งสองรุ่นยังรองรับระบบตรวจสอบความเครียด ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับระดับความเครียดให้สมดุล

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้มีสุขภาพดี Amazfit GTR 2 และ Amazfit GTS 2 จึงมาพร้อมโหมดกีฬายอดนิยม 12 โหมด [7] ที่ใช้งานง่ายทุกครั้งที่เริ่มออกกำลังกาย เช่น โหมดบันทึกระยะทาง ความเร็ว การเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจ การเผาผลาญแคลอรี่ และข้อมูลการออกกำลังกายอื่น ๆ

สมาร์ทวอทช์ทั้งสองรุ่นเก็บเพลงได้ราว 3GB ผู้สวมใส่จึงสามารถฟังเพลงได้โดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์มือถือ นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ Haptic Vibration ที่สามารถตั้งค่า Haptic Feedback เมื่อรับสายโทรเข้าหรือมีการแจ้งเตือนเข้ามา

เมื่อถอดสมาร์ทวอทช์ ฟังก์ชันตรวจจับการสวมใส่จะล็อกสมาร์ทวอทช์โดยอัตโนมัติ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้สวมใส่ ทั้งยังสามารถตั้งรหัสผ่านเพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยได้ด้วย

สมาร์ทวอทช์ทั้งสองรุ่นมีไมโครโฟนและลำโพงในตัว ผู้สวมใส่สามารถโทรออกได้ผ่านบลูทูธ

สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ในซีรีส์ GT ช่วยให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสนุกสนานขึ้น

ระบบสั่งการด้วยเสียงทำให้สมาร์ทวอทช์ทั้งสองรุ่นฉลาดล้ำ โดย Amazon Alexa ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถตั้งคำถาม ค้นหาข้อมูล แปลภาษา ลิสต์รายการของที่ต้องซื้อ ตั้งเวลาปลุก จับเวลา ตั้งค่าเตือนความจำ ตรวจสอบสภาพอากาศ สั่งการอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ฯลฯ เมื่อคุณพูด Amazfit GTR 2 และ Amazfit GTS 2 และ Alexa จะตอบสนองคำสั่งของคุณด้วยคำตอบเป็นตัวหนังสือบนหน้าจอ โดยตัวอย่างคำสั่งเสียงมีดังนี้

- "Alexa จับเวลา"
- "Alexa เพิ่มไข่ในรายการของที่ต้องซื้อ"
- "Alexa เปิดไฟห้องนั่งเล่น"
- "Alexa วันนี้อากาศเป็นยังไง"

Alexa อาศัยระบบคลาวด์ จึงฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอัปเกรดความสามารถใหม่ได้อัตโนมัติ

ระบบสั่งการด้วยเสียงออฟไลน์ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถสั่งการสมาร์ทวอทช์แม้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงการเปิดโหมดกีฬา วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และอีกมากมาย

สมาร์ทวอทช์ทั้งสองรุ่นมีแบตเตอรี่อึดทนนาน จึงสามารถทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์คู่ใจของผู้สวมใส่ได้ทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์

ราคาและการวางจำหน่าย

ในสหราชอาณาจักร Amazfit GTR 2 จะวางจำหน่ายในวันที่ 30 ตุลาคม ในราคา 159 ปอนด์ ส่วน Amazfit GTS 2 จะวางจำหน่ายในวันที่ 15 พฤศจิกายน ในราคา 159 ปอนด์

ในสหรัฐอเมริกา Amazfit GTR 2 จะวางจำหน่ายในวันที่ 30 ตุลาคม ในราคา 179 ดอลลาร์ ส่วน Amazfit GTS 2 จะวางจำหน่ายในวันที่ 1 พฤศจิกายน ในราคา 179 ดอลลาร์

สามารถดาวน์โหลดภาพความคมชัดสูง [8] ได้ที่ https://drive.google.com/drive/folders/1HaTTYzn0fKP8dxNbbqhwSiQLmgS5Nkpu

อ้างอิง
[1] Alexa ใน Amazfit GTR 2 และ GTS 2 จะอัปเดตผ่านระบบ OTA ได้เร็ว ๆ นี้ เมื่อสามารถอัปเดตได้แล้ว จะมีการแจ้งเตือนผ่าน Zepp APP (เดิมชื่อ Amazfit APP) และผ่านอุปกรณ์ ส่วนเวลาที่สามารถอัปเดตผ่าน OTA อาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ
[2] ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์ ข้อมูลและการวัดผลทั้งหมดใช้ในการอ้างอิงเท่านั้น และไม่ควรใช้ในการวินิจฉัยหรือการติดตามอาการทางการแพทย์ นอกจากนี้ ความแม่นยำของข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนหากเซ็นเซอร์สัมผัสกับผิวที่มีรอยสักหรือมีสีเข้ม
[3] ระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดอาจส่งผลต่อระดับออกซิเจนในอวัยวะต่าง ๆ หากต่ำไปก็อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ปวดหัว หรือหัวใจหยุดเต้น อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์ ข้อมูลที่ได้จึงใช้ในการอ้างอิงเท่านั้น และไม่ควรใช้ในการวินิจฉัยหรือการติดตามอาการทางการแพทย์
[4] ระบบตรวจสอบการนอนสามารถบันทึกข้อมูลการนอนกลางวันหรือการงีบหลับได้ เมื่อระบบตรวจพบว่าผู้สวมใส่นอนหลับระหว่าง 24.00-06.00 น. เวลาหลับระหว่าง 18.00 น.ของวันก่อนจนถึง 11.00 น.ของวันนี้ จะถูกบันทึกว่าเป็นเวลาหลับตอนกลางคืน ส่วนเวลานอนระหว่าง 11.00-18.00 น.ที่นานกว่า 20 นาที จะถูกบันทึกเป็นเวลางีบหลับ และเวลานอนที่น้อยกว่า 20 นาทีจะไม่ถูกบันทึก
[5] หากต้องการตรวจสอบการนอนช่วง REM ต้องเปิดโหมดติดตามอัตราการเต้นของหัวใจด้วย ในระหว่างการนอนช่วง REM จะมีการกลอกตาอย่างรวดเร็วในหลายทิศทาง และคนเรามักฝันในช่วงนี้
[6] ผลการศึกษา HUNT Fitness Study ระบุว่า ผู้ที่มีคะแนน PAI(TM) ตั้งแต่ 100 คะแนนขึ้นไป มีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทั้งนี้ HUNT Fitness Study จัดทำโดยศาสตราจารย์ Ulrik Wisloff จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งนอร์เวย์ โดยใช้เวลาศึกษายาวนานกว่า 35 ปี และมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 230,000 คน
[7] วิ่งกลางแจ้ง วิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า วิ่งเทรล เดิน ปั่นจักรยานกลางแจ้ง ปั่นจักรยานไฟฟ้า ว่ายน้ำในสระ ว่ายน้ำกลางแจ้ง ใช้เครื่องเดินวงรี ฟรีเทรนนิ่ง ปีนผา เล่นสกี
[8] ภาพผลิตภัณฑ์และสิ่งที่ปรากฏบนจอใช้อ้างอิงเท่านั้น ผลิตภัณฑ์จริง (เช่น รูปลักษณ์ สี และขนาด) และสิ่งที่ปรากฏบนจอ (เช่น ภาพแบคกราวด์ ยูสเซอร์อินเทอร์เฟซ และกราฟิกต่าง ๆ) อาจแตกต่างออกไปเล็กน้อย

รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/1319930/PRN_Amazfit_GTR_2__Amazfit_GTS_2__classic_and_fashionable_smartwatches_with_a_comprehensive_range_of.jpg

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา