สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเซียตะวันออก (ERIA) ระบุถ่านหินจะยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียต่อไปในอนาคต

พฤหัส ๒๙ มิถุนายน ๒๐๑๗ ๑๑:๒๘
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานพร้อมบรรยายพิเศษในงานสัมมนา Create a Better Social Acceptance for Electric Power Infrastructure Coal-fired Power Plant ว่า จากที่ได้รับฟังการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานที่เข้าร่วมในงานสัมมนาจาก 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ พบว่าแผนการพัฒนาพลังงานของทุกๆ ประเทศไม่ได้มีความแตกต่างจากประเทศไทย ในแง่ของการให้ความสำคัญต่อการรักษาสมดุลของการพัฒนาใน 3 มิติ หรือ 3 E ได้แก่ 1.มิติด้านความมั่นคงพลังงาน (Energy Security) 2.มิติด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ (Economy) และ 3.มิติด้านการดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม (Environment)

ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากรายงานการศึกษาที่จัดทำโดย สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) สหรัฐอเมริกา ระบุว่า การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 7-8 ล้านล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี พ.ศ.2555 จะเป็น 10 ล้านล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี พ.ศ. 2583 เนื่องจากทั่วโลกยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่เมื่อคิดเป็นสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงจะพบว่า สัดส่วนของถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าจะลดลงจาก 40% เป็น 29% ในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ การผลิตไฟฟ้าโดยมีถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงของประเทศจีนและประเทศอินเดียยังคงผลิตผลิตไฟฟ้าโดยใช้ถ่านหินไม่ได้ต่างจากปัจจุบัน

ด้านนายชิเกรุ คิมูระ ที่ปรึกษาพิเศษของผู้อำนวยการ กิจการด้านพลังงาน Economic Research Institute for ASEAN and East Asia : ERIA ซึ่งเป็นสถาบันระหว่างประเทศ ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและอาเซียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 กล่าวว่า แต่ละประเทศมีความจำเป็นทางด้านพลังงานที่แตกต่างกัน อาทิเช่น นิวซีแลนด์ อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากนัก เนื่องจากมีแหล่งพลังงานทดแทนชนิดที่พึ่งพาได้ (Firm RE) คือ พลังน้ำ และพลังความร้อนใต้พิภพ ซึ่งมีอยู่มากภายในประเทศ

ดร.เอรี่ พราโบโว ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการที่ 1 บริษัท พีที อินโดนีเซีย พาวเวอร์ กล่าวว่า อินโดนีเซียมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มมากกว่า 10,000 เมกะวัตต์ในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำกว่าโรงไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ซึ่งใช้งบประมาณในการก่อสร้างมหาศาลและบางประเภท เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ใช้เวลานานในการพัฒนา

นายเอ็ดการ์โด ครูซ ประธานกลุ่มผู้ใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินประเทศฟิลิปปินส์ (Philippine Coal Plant User's Group) เปิดเผยว่า ฟิลิปินส์มีโครงการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจาก 7,300 เมกะวัตต์ในปัจจุบันเป็นกว่า 17,000 เมกะวัตต์ภายในอนาคต

นายวู เวียง ดุง รองผู้อำนวยการศูนย์วิศวกรรมพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานความร้อน Power Engineering Consulting Joint Stock Company 2 ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า อีก 10 ข้างหน้า โรงไฟฟ้าถ่านหิน จะยังคงสัดส่วนในการผลิตไฟฟ้าที่สำคัญมากขึ้นในเวียดนามต่อไป.

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4