การประกวด "Architizer A+ Awards" เป็นงานประกวดผลงานด้านสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมงานด้านสถาปัตยกรรมที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 และมีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดมากกว่า 5,000 ผลงาน จาก 100 ประเทศ โดย เมกา ฟู้ดวอล์ค จากศูนย์การค้าเมกาบางนา ได้รับรางวัลชนะเลิศจากคะแนนโหวตสูงสุดในหมวดศูนย์การค้า (Commercial Shopping Center) ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแห่งเดียวของเดียวของไทยที่ได้รางวัลนี้ นอกจากนี้ งานออกแบบของ เมกา ฟู้ดวอล์ก ยังเข้ารอบสุดท้ายของการประกวด World Architecture Festival 2018 (WAF Awards 2018) ในประเภทของ Shopping Center ทางเมกาบางนาจะเตรียมนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการระดับดับโลกอีกครั้ง โดยงานจะจัดขึ้นที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในเดือนพฤศจิกายนนี้
นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า "ศูนย์การค้าเมกา บางนามีวิสัยทัศน์อันแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมด้วยวิธีบริหารจัดการ ทั้งส่วนของตัวโครงการ และกระบวนการทำงาน โดยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทางศูนย์ฯ ได้มีแนวคิดด้านการขยายพื้นที่จอดรถ และร้านอาหารใหม่ๆ เพื่อรองรับฆไลฟ์สไตล์ เทรนด์ และความชื่นชอบใหม่ๆ ของลูกค้า ซึ่งเรามองว่ารูปแบบของส่วนต่อขยายที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่การมีที่จอดรถเพิ่มมากขึ้น หรือการมีร้านอาหารมากขึ้นเท่านั้น แต่เรามองไปถึงการมี "พื้นที่" สำหรับครอบครัว และเพื่อนๆ ให้มารวมตัวพบปะสังสรรค์กันได้ รวมไปถึงการสร้างพื้นที่สีเขียว เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพตะวันออกด้วย"
"ด้วยแนวคิดดังกล่าวจึงเป็นที่มาของดีไซน์สถาปัตยกรรมของ เมกา ฟู้ดวอล์ค ซึ่งเป็นโครงการสร้างส่วนต่อขยายเป็นร้านอาหารกว่า 30 ร้าน เชื่อมต่อกับโซนฟู้ดวอล์คเดิม ทำให้ศูนย์การค้าเมกาบางนากลายเป็นแหล่งรวมร้านอาหารที่มีมากกว่า 160 ร้าน ภายใต้แนวคิด "เมกา ฟู้ดวอล์ค" แหล่งรวมความอร่อยแห่งกรุงเทพตะวันออก (Mega FoodWalk – The Taste of Eastern Bangkok)" นางสาวปพิตชญา กล่าวเพิ่มเติม
นายมฆไกร สุธาดารัตน์ ประธานบริษัท ฟาวน์ดรี ออฟ สเปซ จำกัด (FOS: Foundry of Space Company Limited) สถาปนิกผู้ออกแบบ เมกา ฟู้ดวอล์ค ได้เปิดเผยว่า "ด้วยขนาดของศูนย์การค้าเมกาบางนาที่กว้างใหญ่สามารถเทียบได้กับเมืองขนาดย่อมที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบต่างๆ คล้ายกับย่านต่างๆ ของเมือง โดยมีศูนย์กลาง (downtown) อยู่ที่อาคารส่วนกลาง มีการกระจายตัวของส่วนต่างๆ รอบผัง ดังนั้น เมกา ฟู้ดวอล์ค ซึ่งเป็นส่วนขยายใหม่ของเมกาบางนาที่ตั้งอยู่ถัดออกไปทางฝั่งตะวันออกไกลออกไป จึงเปรียบได้กับพื้นที่ที่ก้าวย่างเข้าสู่ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้น เมกา ฟู้ดวอล์ค จึงได้ออกแบบมาเป็นอาคาร 3 ชั้น บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร เป็นบรรยากาศแบบกึ่งเอาท์ดอร์ ด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้แนวคิดมาจากสุนทรีย์ของ 'หุบเขา' (Valley) สร้างบรรยากาศสุดชิลราวกับถูกโอบล้อมอยู่ในทิวเขาเขียวขจี พร้อมโขดหิน ลำธาร และน้ำตก มีพื้นที่ว่างตรงกลางเสมือนอัฒจันทร์กลางแจ้ง เพื่อเป็นพื้นที่กิจกรรมสำหรับพบปะ พักผ่อน และชมการแสดงต่างๆ"
"ทั้งนี้ ทางเดินหลักหน้าร้านค้าของเมกา ฟู้ดวอล์ค ยังออกแบบเป็นระบบทางลาดต่อเนื่องที่นำผู้คนจากชั้นบนสุด ค่อยๆ เดินไหลเวียนต่อเนื่องลงไปจนถึงลานกิจกรรมด้านล่างสุด คล้ายกับการเดินจากยอดเนินเขาลงสู่ที่ราบต่ำ ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้ระบบการเดินกลายเป็นวงเวียนอนันต์ (Infinite loop) มีความต่อเนื่องไร้รอยต่อระหว่างชั้นสู่ชั้น นอกจากนี้ เมกา ฟู้ดวอล์ค ยังเชื่อมต่อเข้ากับทางเดินของโครงการเดิมในทุกจุดและอาคารจอดรถ 7 ชั้น ที่สามารถจอดรถได้มากกว่า 1,200 คัน โดยมีสะพานทางเชื่อมและหลังคาคลุมโดยตลอด เพื่อความสะดวกในการสัญจรอย่างทั่วถึงในทุกมุมและทุกระดับอีกด้วย" นายมฆไกร กล่าว
"ด้วยนโยบายสนับสนุนการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ศูนย์การค้าเมกาบางนา ยังเป็นผู้ริเริ่มหลายโครงการที่ทำเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ REC เต็มพื้นที่ 8,000 ตารางเมตรบนหลังคาของศูนย์ฯ, โรงบำบัดน้ำเสียมาตรฐานระดับสากล ด้วยเทคโนโลยีเมมเบรนที่ไม่ใช้สารเคมี และการเปลี่ยนหลอดไฟส่องสว่างในอาคารและป้ายโฆษณาให้เป็นแอลอีดีที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมไปถึง "เมกา พาร์ค" (Mega Park) บนพื้นที่ 7 ไร่ ที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชน เป็นสถานที่พักผ่อนให้กับครอบครัวและพบปะสังสรรค์กลุ่มเพื่อนได้ ซึ่งจะเปิดบริการในช่วงปลายปีนี้" นางสาวปพิตชญา กล่าวสรุป