กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)ได้ประกาศผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สองของปีนี้ปรากฏว่า ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานรวม 4,105 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพของธนาคาร เมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 5,922 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
นับเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกันที่ธนาคารกรุงเทพมีผลกำไรจากการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้กันสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอีก 4,003 ล้านบาท ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีที่ธนาคารมีผล กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สองนี้ในระดับที่สูงขึ้น ผลประกอบการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จ ของธนาคารในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีปัญหาและการดำเนินธุรกิจโดยรวมตลอดระยะ 12 เดือนที่ผ่านมา”
กำไรจากการดำเนินงาน 4,105 ล้านบาทในไตรมาสที่สองนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 3,189 ล้านบาท
นายชาติศิริกล่าวว่า ธนาคารให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อลดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นผลให้ธนาคารแสดงกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าพอใจ
ในไตรมาสที่สองของปีนี้ ธนาคารกรุงเทพได้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพิ่มอีกเป็นจำนวน 59,300 ล้านบาท ทำให้มียอดรวมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในครึ่งปีแรกทั้งสิ้น 95,800 ล้านบาท ซึ่งเป็น จำนวนที่ใกล้เคียงกับผลการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตลอดปี 2542 ที่ผ่านมา
นอกจากหนี้ สัดส่วนของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารได้ลดลง จากร้อยละ 42.1 เมื่อสิ้นปีที่แล้ว เหลือเพียงร้อยละ 22.9 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน
“การแก้ไขหนี้มีปัญหาที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง และคาดว่าจะมีผลก้าวหน้าต่อเนื่องไป” นายชาติศิริกล่าว และเสริมว่าปริมาณของหนี้เอ็นพีแอลคงจะลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้
กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าวต่อไปว่า ในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แต่ละราย ธนาคารพยายามดำเนิน การอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเพื่อให้หนี้เอ็นพีแอลกลายเป็นหนี้ที่มีคุณภาพที่ดี วิธีการนี้อาจจะให้ผลช้าไปบ้างในช่วงแรก แต่ก็น่าจะให้ผลที่ยั่งยืนกว่า
ในไตรมาสที่ 2 นี้ ธนาคารได้ตัดหนี้สูญจำนวน 183,376 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ธนาคารมีหนี้จัดชั้นตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน รวม 203,685 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.2 ของจำนวนสินเชื่อรวม
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ปรับปรุงวิธีการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมให้เป็นไปตามประกาศ ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีผลให้เงินลงทุนและส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นสุทธิ 404 ล้านบาท
ในไตรมาสที่สองนี้ ธนาคารมีรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิ 6,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 861 ล้านบาทหรือ ร้อยละ 16 จากไตรมาสแรก
ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปีนี้ ธนาคารมีสินทรัพย์รวมจำนวน 1,179,526 ล้านบาท ยอดเงินให้สินเชื่อสุทธิมี จำนวน 736,215 ล้านบาท ส่วนยอดเงินฝากมีจำนวน 982,525 ล้านบาท
ธนาคารมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 25,369 ล้านบาท ในขณะที่เงินกองทุนมีจำนวน 73,171 ล้านบาท โดย ธนาคารมีสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในอัตราร้อยละ 8.95 เป็นสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ เสี่ยงชั้นที่ 1 อัตราร้อยละ 5.30--จบ--
-ยก-