ผลประกอบการธนาคารกรุงไทยไตรมาส 3 ปี 2543มีกำไรสุทธิ 88,875.2 ล้านบาท

กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารกรุงไทยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2543 มีกำไรสุทธิ 88,875.2 ล้านบาท โดยได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญครบร้อยตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งผลให้ธนาคารมีอัตราส่วนการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 14.57
นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการของธนาคารในไตรมาส 3 ปี 2543 ซึ่งเป็นตัวเลขก่อนการสอบทานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของธนาคาร ว่าผลประกอบการเบื้องต้นก่อนการกันสำรองและตัดหนี้สูญ ธนาคารมีผลขาดทุนก่อนการโอนสำรองเป็นรายได้ จำนวน 1,302.8 ล้านบาท ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่เกิดจากการตีราคาทรัพย์สินรอการขาย และการแปลงค่าลูกหนี้เงินตราต่างประเทศ แต่หลังจากบวกโอนสำรองเป็นรายได้ จำนวน 108,000.0 ล้านบาท และตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่ม จำนวน 15,048.1 ล้านบาท ตลอดจนสำรองลดค่าหลักทรัพย์ที่ลดลง จำนวน 26.1 ล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 2,800.0 ล้านบาท ทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิเหลือ 88,875.2 ล้านบาท หรือมีกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 110,210.0 ล้านบาท
ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2543 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 993,186.1 ล้านบาท เพิ่มจากเดือนธันวาคมปี 2542 ร้อยละ 0.05 โดยมีเงินฝากรวม 846,296.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2542 ร้อยละ 5.51 มีเงินให้สินเชื่อรวม 432,887.0 ล้านบาท โดยลดลงจากเดือนธันวาคม ปี 2452 ร้อยละ 53.66
นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่อไปว่า ในไตรมาสที่ 3 นี้ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารมีจำนวน 92,133.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 11.0 ของสินเชื่อรวมทั้งหมด ซึ่งเป็นผลจากการโอนหนี้ด้อยคุณภาพไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ณ วันที่ 21 กันยายน 2543 จำนวน 519,378.17 ล้านบาท และสำรองหนี้สูญ 198,126.15 ล้านบาท โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งอาวัลโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 321,252.0 ล้านบาท
สำหรับการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคาร ณ วันที่ 30 กันยายน 2543 ธนาคารมียอดสำรองทั้งสิ้น 51,701.7 ล้านบาท โดยธนาคารได้กันสำรองครบร้อยละ 100 ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว และปัจจุบัน ธนาคารมีอัตราส่วนการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 14.57 โดยมีขาดทุนสะสมคงเหลืออยู่จำนวน 75,364.53 ล้านบาท--จบ--
-สส-