กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--กทม.
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะเดินทางมาตรวจเยี่ยมกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้กำกับ ดูแล กรุงเทพมหานคร โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เลขานุการผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วย ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ปลัดกรุงเทพมหานคร และข้าราชการกทม.ให้การต้อนรับ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การมาตรวจเยี่ยมกรุงเทพมหานครครั้งนี้ มีเหตุผล 3 ประการ ประการแรกเนื่องจากกทม. อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย จึงได้มาเยี่ยมอย่างเป็นทางการครั้งแรกเพื่อทำความรู้จักคุ้นเคย ประการที่สอง ถือโอกาสมาเยี่ยมผู้ว่าฯกทม. ในฐานะที่เป็นนักการเมืองอาวุโส ซึ่งได้ข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะหลายประการที่เป็นประโยชน์อย่างมาก จากผู้ว่าฯกทม. ประการที่สาม เพื่อนำนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลมาหารือกับผู้บริหารของกทม. คือ ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด และปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ สำหรับ
นโยบายด้านการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ ตนเห็นด้วยที่ผู้ว่าฯกทม. ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นจากระดับบนลงล่าง เพราะถ้าระดับบนเอาจริงเอาจังแล้ว การคอรัปชั่นระดับละดับล่างก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนการแก้ไขปัญหาความยากจน รัฐบาลได้มีนโยบายต่างๆ อาทิ เรื่องการนำแนวทางการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมากำหนดเป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนที่สอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละหมู่บ้านและชุมชน และเรื่องเงินกองทุนที่จะครอบคลุมไปถึงชุมชนเมืองด้วย ไม่ใช่เฉพาะชุมชนในชนบทเท่านั้น ส่วน
การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะเรื่องมาตรการเชิงรุกในการป้องกันปัญหายาเสพติด นั้น กทม.ได้มีการดำเนินการอยู่ เช่น การสร้างลานกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย สวนสาธารณะ และที่ผึกสมาธิ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าการให้บริการดังกล่าวมหานครใหญ่ๆ ทั่วโลกจะมีการจัดสิ่งเหล่านี้ไว้ให้แก่ประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเชิงรุกในการป้องกันปัญหายาเสพติด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อไปว่า ในส่วนมหาดไทยพร้อมให้การสนับสนุนงานกทม. และเข้าใจถึงความสำคัญของกทม. โดยเฉพาะภารกิจทั้งหลายซึ่งในระยะยาว กทม.มีงานที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นต้องดูแลเพิ่มขึ้น และอาจจะต้องค่อยๆ พัฒนาไป กล่าวคือ งานใดที่สามารถอยู่ภายใต้กทม.ได้ก็ต้องมีการตัดโอนจากส่วนกลาง มิเช่นนั้นงานบริการจะเกิดความซ้ำซ้อนขึ้น ทำให้ประชาชนต้องจ่ายภาษีเพิ่มสำหรับงานบริการที่ซ้ำซ้อนกันดังกล่าว และสุดท้ายระหว่างหน่วยงานเองก็จะเกิดความขัดแย้งกันเพราะไม่ทราบอำนาจเป็นของใคร ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการหารือในลักษณะของการทำแผนต่อไป
จากนั้น เวลา 11.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้พบปะกับข้าราชการระดับสูงของกทม. รวมทั้งผู้บริหารสำนักและเขต โดยถ่ายทอดนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล 3 ประการที่เกี่ยวข้องกับกทม. ให้ผู้บริหาร กทม. นำไปพิจารณาปฏิบัติ ได้แก่
1. การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ไม่เช่นนั้นแล้วเด็กไทยจะถูกทำลายถึงรากถึงโคน เพราะยาเสพติดไม่เพียงแต่ทำลายร่างกายเท่านั้นยังทำลายถึงสมองด้วย ซึ่งน่าวิตกมากคือ วันนี้เด็กและเยาวชนมีการใช้ยาเสพติดลงไปถึงวัย 5 ขวบแล้ว
2. การแก้ไขทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการอย่างจริงจัง เพราะเป็นมะเร็งร้ายของสังคมไทย ซึ่งควรจะไปได้ไกลกว่านี้มาก ทั้งนี้การทุจริตคอรัปชั่นของไทยถือว่าอยู่ในขั้นที่ 3 คือ มีเครื่องข่ายทุจริตโยงใยกันอย่างเป็นระบบ คล้ายกับอาชญากรรมองค์การ ต้องพยายามลดระดับลงไปอยู่ในขั้นที่ 2 (ทุจริตเป็นกลุ่มย่อย) หรือขั้นที่ 1 (รายบุคคล) หรือไม่ให้มีเลย ดังนั้นจึงขอให้ผู้บริหารทุกคนดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย
3. การแก้ไขปัญหาความยากจน โดยข้าราชการต้องทำงานในเชิงรุก ออกไปเยี่ยมเยียนประชาชน รับทราบปัญหาด้วยตนเอง แก้ไขปัญหาก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำตัวให้เหมือนเป็นผู้ที่อยู่ปลายยอดปิรามิคหัวกลับ แบกรับปัญหาของประชาชน และบริการให้ประชาชนเกิดความประทับใจและพึงพอใจ ข้าราชการทุกคนมีความโชคดีที่มีความมั่นคง แต่ต้องไม่ลืมว่ายังมีเพื่อนร่วมชาติอีก 3 ล้านคนที่ตกงาน โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังมีนโยบายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการ โดยให้เงินเดือนเพิ่ม พิจารณาปีละ 2 ครั้ง จากผลงาน เพื่อป้องกันลักษณะของ “ม้าตีนปลาย” ที่ขยันเพียงช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนจะประเมินผลงาน ทั้งนี้ผู้ว่าราชการกทม. ได้รับเอาแนวนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการและกำชับแก่ผู้บริหารเขตและสำนักต่าง ๆ ของกทม. ให้นำนโยบายต่าง ๆ ไปปฏิบัติต่อไป--จบ--
-นห-