(ต่อ1) บริษัท รับจ้างหลอน (ไม่) จำกัด กำหนดฉาย 7 ธันวาคม 2544

พฤหัส ๑๑ ตุลาคม ๒๐๐๑ ๑๑:๔๑
กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--บัวนา วิสต้า อินเตอร์เนชั่นแนล
โปรแกรมซีมูเลเตอร์อีกโปรแกรมหนึ่งถูกนำมาใช้เพื่อสร้างการสะบัดไหวของเสื้อยืดที่บูใส่ เมื่อทางแอนิเมเตอร์สร้างการเคลื่อนไหวเรือนร่างของบูจนเสร็จแล้ว โปรแกรมดังกล่าวจะคำนวณการเคลื่อนไหว และสร้างการสะบัดไหวของเสื้อผ้าให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของตัวละครโดยอัตโนมัติ ซึ่งนับว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของสื่อชนิดนี้ นอกจากนี้ โปรแกรมดังกล่าวยังถือเป็นการปลดปล่อยให้แอนิเมเตอร์หลุดพ้นจากความกังวลในงานสร้างเสื้อผ้าของตัวละคร และหันไปทุ่มเทให้กับการแสดงของตัวละครได้ การสร้างโปรแกรมนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของพิกซาร์ที่ได้ทดลองผลิตโปรแกรมสร้างเสื้อผ้าในแอนิเมชั่นสั้นเรื่อง Geri's Game มาแล้ว (แอนิเมชั่นสั้นเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์แอนิเมชั่นสั้นยอดเยี่ยมในปี 1998 และได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์พร้อมกับแอนิเมชั่นเรื่อง A Bug's Life)
ที่เข้ามาช่วยสร้างเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ แอนิเมชั่นให้กับพิกซาร์ ก็คือ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค กับภาพยนตร์เรื่อง Monsters, Inc. นี้ ทอม พอร์เตอร์ ผู้เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วสองครั้ง ทำหน้าที่เป็นซูเปอร์ไวซิ่ง เทคนิคัล ไดเร็กเตอร์ โดยมีหน้าที่ดูแลการทำโมเดล การสร้างเงา การจัดแสง และการแสดง ภายใต้การดูแลของพอร์เตอร์ ก็คือ องค์กรใหม่ที่ชื่อ ชอตส์ ดีพาร์ตเม้นต์ โดยทีมงานแผนกนี้จะมอบหมายหน้าที่สร้างภาพ 1,500 ชอตให้กับผู้ดูแลฉากแต่ละฉาก และเทคนิคัลไดเร็กเตอร์ ซึ่งจะคอยติดตามดูแลแต่ละชอตตลอดทุกขั้นตอนในงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ กาลิน ซัสแมน ทำหน้าที่ดูแลแผนกชอตนี้อีกที
เอเบน ออสต์บี้ คือซูเปอร์ไวเซอร์ที่ทำหน้าที่ดูแลแผนกโมเดล โดยในแผนกนี้ จะมีการปั้นดินออกมาเป็นใบหน้าต่างๆ ก่อนจะนำไปสู่การสร้างภาพตัวละครหลักๆ ในคอมพิวเตอร์ ในขณะที่สัตว์ประหลาดหน้าตาประหลาดอีกเกือบๆ 50 ตัวจะถูกสร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์จากการประกอบส่วนต่างๆ ของร่างกายเข้าด้วยกัน หลังจากได้เรียนรู้จากประสบการณ์งานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Toy Story ทั้งสองภาค และ A Bug's Life นักทำโมเดลได้ใช้โปรแกรมที่เรียกกันว่า "เจพเพ็ตโต้" (Geppetto) เพื่อให้แอนิเมเตอร์สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวปลีกย่อยได้มากขึ้น ในเรื่องของความซับซ้อน ออสต์บี้คาดการณ์ว่าตัวละครอย่างซัลลี่, ไมค์ และบู น่าจะมีความซับซ้อนกว่าบัซกับวู้ดี้ และน่าจะมีการควบคุมได้สูงกว่าตัวละครที่เป็นคนอย่าง อัล (จาก Al's Toy Barn) จาก Toy Story 2 ถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์
ที่เข้ามาช่วยสร้างภาพที่มีสไตล์ให้กับ Monsters, Inc. ก็คือ โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ฮาร์ลีย์ เจสซัพ และบ็อบ พอลลีย์ ในขั้นตอนการออกแบบระยะแรกให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็รวมถึงการเดินทางไปยังเมืองอุตสาหกรรมและโรงงานใกล้ๆ หลายแห่ง เพื่อทำการค้นคว้าด้วย ด้วยคำแนะนำจากด็อคเตอร์ พวกเขาเริ่มต้นสร้างภาพและความเป็นเหตุเป็นผลให้กับเมืองมอนสโทรโพลิส นั่นหมายถึงการสร้างงานภายในโรงงาน Monster, Inc. ตั้งแต่ชั้นแห่งความน่ากลัว ไปจนถึงท่อที่นำไปสู่ประตู (ซึ่งก็รวมถึงประตูตู้เสื้อผ้ากว่า 5.7 ล้านประตูที่เหล่าสัตว์ประหลาดจะเดินทางผ่านสายพานทางเดินนับร้อยๆ เส้น) ตัวโรงงานเองจะให้ความรู้สึกแบบยุค 60 โดยทีมงานจงใจสร้างมันให้ออกมาดูเชยๆ ทีมงานต้องออกแบบฉากขึ้นมากว่า 22 ฉากตั้งแต่ห้องนอนของบู ไปจนถึงร้านซูชิ ร้านแฮร์รี่ฮาวเซ่น และบ้านของเยติที่อยู่ห่างไกล
ผู้กำกับศิลป์ เทีย แคร็ตเตอร์ และโดมินิค หลุยส์ใช้ความสามารถของพวกเขาในการสร้างโทนสี การจัดแสง และการสร้างเงาให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ แคร็ตเตอร์ ซึ่งเป็นมือวาดภาพแบ็คกราวน์ที่ผ่านการฝึกฝนมานาน ทำงานควบคู่ไปกับทีมนักวาดภาพด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดโทนสีและรายละเอียดของภาพ การค้นคว้าของเธอนั้นก็รวมไปถึงการศึกษาลักษณะขนของตัวลามา ตัวจามรี แพะและแกะ รวมไปถึงการเดินทางไปที่โรงเก็บขยะเพื่อวิเคราะห์โลหะแบบต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในฉากโรงงาน เธอยังช่วยกำหนดสีของตัวละคร (ตัวอย่างเช่น เธอเป็นคนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสีตัวของไมค์จากสีส้มให้เป็นสีเขียวมะนาว) ทางด้านหลุยส์จะเป็นคนกำหนดสภาพแวดล้อมและแสงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยการสร้างภาพวาดที่ใช้สีพาสเทลเพื่อสร้างอารมณ์ให้กับภาพยนตร์ จากภาพวาดเหล่านี้ หลุยส์สามารถจะสื่อสารอารมณ์ของเขาออกมาผ่านทางการใช้สี จากนั้น ภาพสีเหล่านั้นจะถูกส่งต่อไปให้แผนกจัดแสง ซึ่งจะใช้ภาพเหล่านี้เป็นแม่แบบในการสร้างชอตสุดท้าย
ทีมผู้กำกับศิลป์ยังต้องประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฌอน-คล็อด คาลาชี่ ผู้ดูแลการจัดแสง และริค เซย์รี่ ผู้ดูแลการจัดเงา เพื่อให้ได้ภาพและสภาพแวดล้อมที่ทีมงานสรางสรรค์จะนำไปใช้ เซย์รี่และทีมจัดเงาของภาพได้สร้างเชดเงาเป็นพันๆ เชดเพื่อให้โลกของเหล่าสัตว์ประหลาดมีสไตล์และมีความละเอียด
สมาชิกคนสำคัญอีกคนหนึ่งของทีมสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ ผู้ดูแลการวางเลย์เอ้าต์ อีวาน จอห์นสัน ผู้สืบสานความพยายามพัฒนาความก้าวหน้าให้กับพิกซาร์ เพื่อให้สามารถครอบคลุมตามข้อเรียกร้องที่ทางผู้กำกับต้องการให้มีในแต่ละฉาก โซฟี วินเซเลตต์ทำหน้าที่ดูแลแผนกการตกแต่งฉาก ซึ่งเป็นแผนกที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อให้ดูแลรับผิดชอบในการสร้างสิ่งของจากคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์ประกอบฉาก คอรี่ เร ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างประสานงานให้กับ Monsters, Inc. จิม สจ๊วร์ตทำหน้าที่เป็นผู้ลำดับภาพ
ทีมงานเก่าแก่ของพิกซาร์อย่าง เกลนน์ แม็คควีน และริช เคว็ด มารับหน้าที่เป็นซูเปอร์ไวเซอร์ เมื่อไม่นานมานี้ แม็คควีนก็คือผู้ทำหน้าที่เป็นซูเปอร์ไวซิ่ง แอนิเมเตอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Toy Story 2 ในขณะที่เคว็ดทำหน้าที่เป็นซูเปอร์ไวซิ่ง แอนิเมเตอร์ให้กับทั้ง A Bug's Life และ Toy Story ภาคแรก ทีมงานที่ประกอบไปด้วยแอนิเมเตอร์กว่า 35 ชีวิตที่ทำงานให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็รวมถึงบรรดาผู้รับผิดชอบวาดตัวแอนิเมชั่นตัวหลักๆ อย่าง แอนดรูว์ กอร์ดอน (ผู้ดูแลงานวาดแอนิเมชั่น ไมค์ วาโซว์สกี้), จอห์น คาห์รส์ (ซัลลีย์) และเดฟ เดอแวน (บู)
ตัวแอนิเมชั่นหลายตัวมีความซับซ้อนในการวาดแตกต่างกันไป ตั้งแต่เจ้ากิ้งก่าแปดขาที่ชื่อว่า แรนดัลล์ ไปจนถึงไมค์ วาโซว์สกี้ที่มีตาเดียว แต่เป็นตัวแอนิเมชั่นที่ทางแอนิเมเตอร์พบว่าวาดยากกว่าที่คิดเอาไว้
ไม่มีทางที่ผลงานของพิกซาร์จะสำเร็จลงได้โดยปราศจากดนตรีของ แรนดี้ นิวแมน นักประพันธ์ดนตรีที่ร่วมงานกับพิกซาร์มาตลอด สำหรับ Monsters, Inc. นี้ นิวแมนใช้อิทธิพลของดนตรีแจ๊สยุค 40 เข้ามาเพื่อนำเสนอถึงความสนุกสนานและจิตวิญญาณของภาพยนตร์เรื่องนี้ ดนตรีที่ได้ยินจะใช้เครื่องดนตรีอย่างเบสฮาร์โมนิก้า, แมนโดลิน และแอ็คคอร์เดียน นอกจากนี้ นิวแมนยังแต่งเพลงประกอบเครดิตท้ายเรื่องที่ชื่อว่าเพลง If I Didn't Have You ซึ่งเป็นการร้องคู่ที่แสนสนุกสนานระหว่างซัลลีย์ (กู๊ดแมน) และไมค์ (คริสตัล)
Monsters, Inc. มีความโดดเด่นในแง่ของการเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถูกสร้างขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ของพิกซาร์ แอนิเมชั่น สตูดิโอ ในเอเมอรี่วิลล์, แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นบ้านใหม่ของแอนิเมเตอร์และช่างเทคนิคชั้นแนวหน้าของวงการกว่า 550 ชีวิต นับแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2000 เป็นต้นมา และการเปิดตัวฉายของภาพยนตร์เรื่อง Monsters, Inc. จะตรงกับปีที่พิกซาร์เปิดดำเนินการมาครบ 15 ปีพอดี สตีฟ จ็อบส์ซื้อบริษัทแห่งนี้มาจากลูคัสฟิล์มในปี 1986 และดำเนินการมาในฐานะบริษัทอิสระ
ตัวละครและผู้ให้เสียงพากย์
เจมส์ พี ซัลลิแวน (ซัลลีย์) - คือสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ที่สูงถึง 8 ฟุต ขนปุกปุยสีเขียวอมฟ้าที่มีแต้มจุดสีม่วง และมีเขาสองข้าง สัตว์ประหลาดหน้าตาน่ากลัวตัวนี้คือสิ่งสุดท้ายที่พวกเด็กๆ อยากจะพบภายในตู้เสื้อผ้าของพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซัลลีย์ก็คือสัตว์ประหลาดที่สร้างเสียงกรีดร้องได้มากที่สุดในโรงงาน Monster, Inc. อย่างไรก็ดี ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูน่ากลัว ซัลลีย์ก็คือเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ และการเผชิญหน้าอย่างใกล้ชิดกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ชื่อว่า บู ได้เผยให้เห็นถึงความสุภาพอ่อนโยนและบุคลิกที่ดูอบอุ่นภายในตัวซัลลีย์ นักแสดงยอดฝีมืออย่างจอห์น กู๊ดแมน (The Emperor's New Groove, O Brother Where Art Thou?, Raising Arizona) เป็นผู้ให้เสียงพากย์แก่ซัลลีย์ และได้มอบเสน่ห์อันเหลือล้นให้กับยักษ์ใหญ่ใจดีตัวนี้ที่กำลังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหนักอก
ไมค์ วาโซว์สกี้ - เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเขียวที่มีปัญญาฉับไวตัวนี้คือชีวิตของกลุ่มสัตว์ประหลาด และมีตาเดียวไว้สำหรับมองสาวๆ (โดยเฉพาะซีเลีย) ถึงแม้ว่าไมค์จะไม่ค่อยได้มองตาประสานตากับเพื่อนร่วมบ้านที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาด้วย แต่ไมค์ก็ภูมิใจในตัวซัลลีย์ และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นทั้งเพื่อนที่ซื่อสัตย์และใส่ใจเมื่อถึงเวลาที่ซัลลีย์มีปัญหา ตัวละครที่ทั้งตลกและมีสีสันตัวนี้ให้เสียงพากย์ที่สดใสโดยบิลลี่ คริสตัล ผู้มากไปด้วยความสามารถ และเคยฝากผลงานอันน่าประทับใจไว้แล้วทั้งในฐานะนักแสดง ดาราตลก ผู้กำกับ และยังเป็นพิธีกรเวทีออสการ์ที่ทุกคนชื่นชอบอีกด้วย
บู - เด็กหญิงผู้กล้าหาญที่ค้นพบชีวิตอีกด้านหนึ่งของประตูตู้เสื้อผ้า ซึ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น และไม่กลัวเกรงอะไร บูเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยที่เธอมีพร้อมกับซัลลีย์และไมค์ในนครมอนสโทรโพลิส เธอไม่ประสาต่อความวุ่นวายที่เธอเป็นผู้ก่อ และอันตรายที่เธอกำลังเผชิญ แมรี่ กิ๊บบ์ส (ซึ่งปัจจุบันอายุสี่ขวบครึ่ง) ลูกสาวร็อบ กิ๊บบ์ส ศิลปินแผนกพัฒนาเรื่องของพิกซาร์ ประเดิมงานแสดงชิ้นแรกด้วยการให้เสียงพากย์กับตัวละครตัวนี้ และยังเป็นผู้มอบบุคลิกบางส่วนให้กับตัวละครตัวนี้ด้วย
เฮนรี่ เจ วอเตอร์นูส - ในฐานะประธานกรรมการบริหารของ Monster, Inc. ที่มีงานยุ่ง ดูจะกำลังกลุ้มใจกับปัญหาเรื่องการขาดแคลนพลังงาน ผลกำไรที่ตกลง และเด็กมนุษย์คนหนึ่งที่เล็ดรอดเข้ามา ถึงแม้ว่าเฮนรี่จะใจดีกับซัลลี่ ซึ่งเป็นดาราประจำโรงงานของเขา แต่เมื่อถึงคราเข้าตาจน เฮนรี่ก็พร้อมเตรียมตัวที่จะทำสิ่งที่เขาต้องกระทำเพื่อรักษาบริษัทที่เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลมาหลายชั่วสัตว์ประหลาดเอาไว้ เจมส์ โคเบิร์น (Affliction, Our Man Flint, The Great Escape) นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์มาเป็นผู้ให้เสียงพากย์กับสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายปู และมีโครงกระดูกเก็บเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าตัวนี้
แรนดัลล์ บ็อกก์ส - สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนกิ้งก่าน่าเกลียดตัวนี้จะไม่ยอมหยุดยั้งที่จะทำให้ตัวเองได้กลายเป็นนักล่าเสียงกรีดร้องมือหนึ่งของ Monster, Inc. ถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงการต้องทำลายชื่อเสียงของซัลลีย์ หรือการทำเรื่องขี้โกง (และด้วยมือที่มีมากถึงแปดมือ ก็ทำให้แรนดัลล์ทำเรื่องขี้โกงได้ง่ายอยู่แล้ว) ด้วยความสามารถที่ไม่ต่างจากกิ้งก่าที่สามารถปรับสีตัวให้กลืนเข้ากับสภาพแวดล้อม แรนดัลล์จึงเป็นนักแอบฟังที่เก่ง และเขายังซ่อนกลเม็ดเด็ดไว้ที่แขนเสื้อซึ่งเขาหวังว่าจะทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งได้ สตีฟ บุสเซมี่ นักแสดงผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถ (Ghost World, Fargo, Barton Fink, Reservoir Dogs) มาเป็นผู้สร้างอารมณ์ขันและความเจ้าเล่ห์ให้กับตัวละครที่ลื่นไหลไวเป็นกรดตัวนี้
ซีเลีย - พนักงานต้อนรับสาวที่มีผมเป็นงูรายนี้มีรูปร่างหน้าตาที่มีก็แต่สัตว์ประหลาดด้วยกันเท่านั้นที่จะรักลง แต่เธอมีนิสัยที่ชอบเปลี่ยนผู้ที่มองดูเธอให้กลายเป็นเนยมากกว่าจะเปลี่ยนให้แข็งเป็นก้อนหิน ทั้งหมดที่ซีเลียต้องการก็คือการได้ใช้เวลาอยู่กับหมีน้อยที่แสนน่ารักของเธอ (ไมค์ วาโซว์สกี้) แต่มักต้องมีอะไรผิดพลาดเสมอเมื่อเขาและเธออยู่ด้วยกัน เจนนิเฟอร์ ทิลลี่ (ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากผลงานของวูดี้ อัลเลนเรื่อง Bullets Over Broadway) มาเป็นผู้ให้เสียงพากย์ที่ร่าเริงกับซีเลียที่สุดร่าเริงแต่พูดมาก
รอซ - สาวแก่เจ้าระเบียบ และเป็นพวกชอบทำงานเอกสารเป็นชีวิตจิตใจ ผู้จัดการด้านข่าวสารหน้าตาของ Monster, Inc. นางนี้ เป็นผู้รับผิดชอบในการมอบหมายหน้าที่ให้กับนักสร้างเสียงกรีดร้องประจำบริษัท รอซซึ่งพูดก็ช้า เดินก็ช้า มักมีปัญญาฉับไวในงานที่เธอทำจนน่าประหลาดใจ และผู้ให้เสียงพากย์แก่ตัวละครตัวนี้ก็คือ หัวหน้าแผนกพัฒนาเรื่อง บ็อบ ปีเตอร์สัน
เยติ - จอห์น แร็ตเซนเบอร์เกอร์ ดาราคนโปรดของพิกซาร์ที่เคยให้เสียงพากย์เป็นเจ้าหมูกระปุกออมสินที่ชื่อว่า แฮม ในภาพยนตร์เรื่อง Toy Story ทั้งสองภาค และยังให้เสียงพากย์แก่ พีที เจ้าตัวหมัด ใน A Bug's Life มาให้เสียงพากย์ที่น่าเกลียดน่าชังในบท เยติแห่งเทือกเขาหิมาลัย ผู้แสนโดดเดี่ยว เมื่อไมค์กับซัลลีย์เดินทางไปเยี่ยมเขาถึงโลกมนุษย์ เยติให้การต้อนรับแขกทั้งสองเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนแขกของเขาจะกระวนกระวายที่จะจากไปเพื่อจัดการกับเรื่องอื่นมากกว่า--จบ--
-อน-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version