นนทบุรี--19 ธ.ค.--อย.
อย. เตือนแพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ ต้องศึกษาข้อกำหนดและปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับวัตถุออกฤทธิ์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการมีไว้ในครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2,3 และ 4 จะต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะมีไว้ครอบครองได้ หากตรวจพบการฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีกฎหมายทันที
น.พ.สถาพร วงษ์เจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินการของสถานพยาบาลที่มีวัตถุออกฤทธิ์วไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอนั้น พบว่ามีแพทย์ผู้ดำเนินกิจการจำนวนมากยังขาดความเข้าใจในข้อกำหนดของกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 เป็นเหตุให้มีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องทั้งในส่วนของการมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ รวมทั้งการเก็บรักษา การขายและการจัดทำบัญชีรับจ่ายวัตถุออกฤทธิ์ทั้งในประเภท 2, 3 และ 4 ฯลฯ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อย. ได้ตรวจพบผู้ดำเนินกิจการสถานพยาบาลที่กระทำความผิดทั้งที่รู้และไม่รู้ ทำให้ถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดฐานฝ่าฝืนกฎหมายเป็นจำนวนมาก จากปัญหาดังกล่าว อย. ได้มีหนังสือเวียนแจ้งไปยังแพทย์ที่มีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ให้ทราบถึงข้อกำหนดของกฎหมาย และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดแล้ว
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า อาจจะยังมีแพทย์ ทันตแพทย์ และสัตวแพทย์ จำนวนมาก ที่เพิ่งจะเริ่มดำเนินกิจการสถานพยาบาล หรือต้องการมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2,3 และ 4 ซึ่งหากมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 101, 115 และ 116 จะต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะมีไว้ในครอบครองฯได้ มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย โดยหากเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หากฝ่าฝืนกรณีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือ 4 จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ อย. จึงขอเตือนด้วยความห่วงใยไปยังแพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ ให้ทำการศึกษาข้อกำหนดของกฎหมายให้ชัดเจนและปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับวัตถุออกฤทธิ์อย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายและถูกดำเนินคดี อย่างเช่นที่ผ่านมาอีก--จบ--
-สส-