กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--ทูเดย์อินไทยแลนด์ดอทคอม
นายธวัทชัย โรจนะโชติกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชาชูรส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผงชูรสรายใหญ่ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ซึ่งขณะนี้บริษัทวางแผนจะปรับโครงสร้างใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป หลังจากที่ดำเนินธุร กิจแบบเดิมมานาน และมุ่งเน้นตลาดส่งออกเป็นหลักในสัดส่วน 60-70% ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะตลาดภายในประเทศ ยังไม่สามารถแข่งขันได้อย่างมีศักยภาพ เนื่องจากจุดอ่อนหลายด้านทั้งในแง่ของความรู้จักชื่อตราผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผู้บริโภคยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
นอกจากนี้ในด้านการตลาด ยังเป็นการทำตลาดแบบเก่า ไม่มีการดำเนินกิจกรรมและการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาด ไม่มีการพัฒนาการตลาดโดยเฉพาะในด้านช่องทางการขาย ยังคงวิธีการจำหน่ายและรับคำสั่งซื้อผ่านช่องทางร้านค้าแบบเก่า มีฝ่ายขาย 30 คน แยกเป็นกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเท่านั้น ซึ่งลูกค้าในประเทศส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ผลิตเครื่องปรุงรส โดยสัดส่วนของตลาดผู้บริโภคที่เป็นคอนซูเมอร์ยังมีสัดส่วนน้อย ขณะที่ตลาดส่งออกซึ่งเป็นตลาดสำคัญของธุรกิจ มีสัดส่วนประมาณ 60-70% กระจายสู่ทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา และในเอเชีย เริ่มประสบปัญ หาจากการตัดราคาของคู่แข่ง ซึ่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย โดยคู่แข่งสำคัญคือ อินโดนีเซีย ซึ่งมีโรงงานผลิตผงชูรสถึง 5 แห่ง และโรงงานในเวียดนาม 3 แห่ง ใช้กลยุทธ์การแข่งขันด้านราคาอย่างหนัก ซึ่งปัจจุบันคู่แข่งกดราคาสินค้าต่ำกว่า 10-15% ส่งผลให้ไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ นอกจากนี้เมื่อต้องเข้าสู่กรอบการค้าขององค์การการค้าโลก จะยิ่งเสียเปรียบคู่แข่งมากขึ้นเพราะจะไม่มีกำแพงภาษี และค่าแรงของไทยสูงกว่าตลาดคู่แข่งทั้ง 2 ประเทศ ทำให้การส่งออกมีความยากลำบากขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงต้องปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยต้องเร่งขยายตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้เพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ต้นทุนผลิตต่อหน่วยต่ำสุด ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตเดือนละ 2 พันตัน จากกำลังการผลิตเต็มที่ 3 พันตันต่อเดือน
นายธวัทชัยกล่าวว่า การปรับยุทธศาสตร์ซึ่งมุ่งตลาดภายในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้มีการปรับโครงสร้างใหม่ประกอบด้วย ด้านการบริหารและการตลาด โดยในด้านโครงสร้างการบริหารรวม จะแยกเป็นการบริหารใน 3 ส่วนหลักคือ การบริหารด้านการเงิน การตลาด และนโยบาย สำหรับ ความเปลี่ยนแปลงใหม่ที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของบริษัทคือ การเพิ่มหน่วยงานด้านการตลาด ซึ่งจะมีการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปี เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อขยายตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้การจัดตั้งแผนกการตลาดขึ้นมาเพื่อดูตลาดภายในประเทศครั้งนี้ ยังต้องปรับโครงสร้างบางส่วนโดยเฉพาะทีมขาย ซึ่งยังใช้วิธีการแบบเดิม โดยอาจจะต้องมีการแยกทีมออกมาเพื่อดูแลตลาดโดยเฉพาะในช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งพบว่ากระแสการขยายตัวของดิสเคาน์สโตร์ จะยังมีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาและอุปสรรคอีกประการหนึ่งในการรุกตลาดภายในประเทศ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของราชาชูรส คือ ตราผลิตภัณฑ์ "ราชาชูรส" ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในกลุ่มผู้บริโภคภายในมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้เน้นการสร้างตราผลิตภัณฑ์ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เป็นน้องใหม่ในตลาด ซึ่งมีการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดต่อเนื่องและลงทุนในการสร้างตราผลิตภัณฑ์ ซึ่งใช้เงินลงทุนสูง ส่งผลให้ผู้บริโภครู้จักยี่ห้ออื่นๆ มาก กว่า ซึ่งจากนโยบายที่จะรุกตลาดภายในประเทศ และขยายตลาดมายังกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง จำเป็นที่จะต้องสร้างตราผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักก่อนเป็นอันดับแรก โดยคาดว่าจะจัดสรรงบประมาณจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปใช้กับการสร้างตราผลิตภัณฑ์ สำหรับราชาชูรสนั้น ถือเป็นบริษัทร่วมทุนไทย-ไต้หวัน ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในไทย--จบ--
-สส-