กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2544 ชี้ยอดขายพุ่งกว่า 7,979 ล้านบาท เติบโตกว่าไตรมาสเดียวกันในปี 2543 ถึง 30.6% พร้อมส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคม ตามนโยบายของรัฐบาล
มร. อีฟ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2544 ว่า มีผลกำไรสุทธิ 277 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันของปี 2543 ร้อยละ 19.4 ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขาย รวมไปถึงผลกำไรของบิ๊กซีเป็นไปตามเป้าหมาย จึงทำให้เกิดความมั่นใจสำหรับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะการที่ผลประกอบการของบริษัทฯ เจริญเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องนั้นย่อมแสดงว่าบริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเสมอมา
ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2544 นี้ ได้แก่ ยอดขายเพิ่มขึ้นจากสาเดิมทั้งหมดและการขยายสาขาใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานี เชียงใหม่ และสาขาดอนเมืองในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รวมไปถึงการจัดรายการส่งเสริมการตลาดต่างๆ ในช่วงเทศกาลสำคัญๆ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ และ Back to School ยิ่งไปกว่านั้นได้มีการเพิ่มนโยบายการรับประกันคืนเงินส่วนต่าง 5 เท่า ทั้งนี้เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ให้เกิดความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าที่บิ๊กซีมากยิ่งขึ้น จึงส่งผลให้ผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 นี้มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ยังมีนโยบายให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสังคมในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การเสียภาษีท้องถิ่น , การจ้างงานในท้องถิ่น ตลอดจนการบริจาคเงินและสิ่งของแก่มูลนิธิในท้องถิ่น รวมไปถึงการจัดโครงการทวิภาคีร่วมกับกรมอาชีวศึกษา เพื่อส่งเสริมนักเรียนอาชีวศึกษาให้ได้ความรู้และมีรายได้เสริม ฯลฯ และที่สำคัญบิ๊กซียังให้ความสำคัญในการสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าคนไทย โดยได้มีการกำหนดนโยบายเพื่อพิจารณาการจัดซื้อสินค้าจากผู้ผลิตที่เป็นคนไทยเป็นอันดับแรกโดยเฉพาะ
และเมื่อเร็วๆ นี้ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ร่วมมือกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อจะสนับสนุนภูมิปัญญาชาวบ้าน และเน้นให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยบิ๊กซีได้ให้การสนับสนุนโครงการในส่วนของทางด้านช่องทางการตลาด และการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับชุมชน โดยผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ทั้ง 27 สาขาทั่วประเทศ รวมไปถึงสาขาที่จะเพิ่มเติมขึ้นในอนาคต ทั้งนี้บิ๊กซีได้จัดเตรียมพื้นที่ขนาด 20 ตารางเมตรสำหรับผู้ผลิตจากชุมชน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่แต่อย่างใด โครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" นี้ ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2544 ถึงเดือนธันวาคม 2545 ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ก็จะมีการตกลงเพิ่มเติมกับกรมการพัฒนาชุมชนต่อไปในอนาคต
มร. อีฟ เบรบ็อง ยังกล่าวเสริมอีกว่า "การสนับสนุน และช่วยเหลือสังคมนั้น ถือเป็นนโยบายหลักที่บิ๊กซียึดถือและปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์นั้น เราเล็งเห็นว่าเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล และที่สำคัญถือเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ทำให้เกิดการสร้างงาน รวมไปถึงทำให้เกิดกระเเสการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต "
ด้วยนโยบายหลักของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ที่เล็งเห็นถึงการคืนผลกำไรสู่สังคมเป็นสำคัญ ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับความเชื่อถือ และไว้วางใจทั้งจากหน่วยงานราชการ เอกชน รวมไปถึงประชาชน ทั่วไป ปัจจุบันบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้เปิดให้บริการทั้งหมด 27 สาขาทั่วประเทศ โดยล่าสุดได้เปิดสาขาที่ 27 ไปที่จังหวัดเชียงใหม่ และในปลายปีนี้บิ๊กซีมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 2 สาขา คือ สาขาสุขสวัสดิ์ และสาขาภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อรองรับการบริการลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ศุภาดา ใจดี , ดวงรัตน์ รัตนอำนวยศิริ
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทรศัพท์ 02-693-7835-8 โทรสาร 02-693-6919--จบ--
-อน-