กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จเป็นผู้แทนพระองค์ไปทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับโลกว่าด้วยคนพิการของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นประเทศที่ 5 ของโลกที่ได้รับรางวัลนี้
นายนรชิต สิงหเสนีย์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถาบันแฟรงค์กิ้นดีลาโนรู สเวล์ล ซึ่งเป็นสถาบันที่สนับสนุนการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับโลก ว่าด้วยคนพิการของสหประชาชาติ ได้คัดเลือกให้ประเทศไทยเป็นผู้ได้รับรางวัลสนับสนุนการปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกว่าด้วยคนพิการของสหประชาชาติ หรือ รางวัลแฟรงค์กิ้นดีลาโนรูสเวล์ล อะวอร์ด ประจำปี 2001 เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า ประเทศไทยได้มีพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ซึ่งถือว่าเป็นพระราชบัญญัติฉบับประวัติศาสตร์ของ คนพิการ ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการแสวงหาการมีส่วนร่วมและความเสมอภาคของคนพิการ นอกเหนือจากการพิทักษ์ คุ้มครองสิทธิคนพิการในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ การศึกษาและการฝึกอาชีพ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี พ.ศ.2540 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีบทบัญญัติสำหรับคนพิการโดยเฉพาะ ซึ่งระบุว่า บุคคลย่อมเสมอกันโดยกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิในการ มีส่วนร่วมทางการเมือง โดยคนพิการมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้ และคนหูหนวก สามารถลงคะแนนเสียงในการ เลือกตั้งได้ สำหรับการมอบรางวัลในครั้งนี้จะมีขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ ณ สำนักงานองค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผู้แทนพระองค์ไปทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่ 5 ของโลกที่ได้รับรางวัลนี้ นอกจากนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังกล่าวด้วยว่า รางวัลที่ได้เป็นการประกาศให้โลกรับทราบถึงความพยายามของคนไทยในการสร้างสังคมที่เสมอภาค เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ--จบ--
-สส-
- ๒๓ ธ.ค. อธิการบดี สจล. รับมอบใบประกาศเกียรติคุณจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น
- ๒๓ ธ.ค. ประเทศไทยไม่พร้อมรับมือดิสรับชั่นครั้งใหญ่: ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เตือนประเทศไทยไม่พร้อมรับมือ "ดิสรับชั่น" ครั้งใหญ่ ชี้ 6 ปัจจัยเปลี่ยนโลก
- ๒๓ ธ.ค. มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกระทรวงการต่างประเทศ